รัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เสนอให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำกับงบประมาณก้อนใหญ่เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อปรับปรุงและยกระดับการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำที่ปนเปื้อนสารตะกั่ว เชื้อโรคต่าง ๆ สารเคมีมีพิษชนิดอื่น รวมถึงแหล่งที่มาของสิ่งปฏิกูลหรือมลพิษที่กระทบกับคุณภาพน้ำ พร้อมกับให้มีการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และการจัดการน้ำเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกเหนือไปจากนี้ การเดินหน้าลงทุนกับเรื่องน้ำยังเป็นหนึ่งในแผนของการสร้างงานและอาชีพสำหรับชาวอเมริกันทั่วประเทศด้วย
ดู FACT SHEET: The American Jobs Plan ของทำเนียบขาว (31 มีนาคม 2564)
เพราะเมื่อไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ ชุมชนรายได้น้อยจึงมักเป็นผู้ที่เสียผลประโยชน์ ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อยู่กับการไม่มีน้ำใช้หรือมีน้ำใช้แต่เป็นน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษที่อาจทำให้เกิดโรค ในบางพื้นที่อาจเผชิญกับน้ำทิ้งที่ส่งผลต่อการมีสุขอนามัยที่ดี ในขณะเดียวกันค่าน้ำที่แพงขึ้นย่อมกระทบกับครัวเรือนรายได้น้อยหลายครัวเรือนที่อาจไม่มีกำลังจ่ายค่าน้ำ จนถึงขั้นอาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านน้ำได้เลย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าการปฏิรูปให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำอย่างทั่วถึง ก็เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดและบริการได้อย่างเสมอภาค
ในขณะเดียวกัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำยังช่วยสร้างอาชีพได้มาก การศึกษาล่าสุดของสภาการวางแผนเมืองรัฐอิลลินอยส์ ชี้ว่าลำพังเพียงการจัดการกับสารตะกั่วก็สามารถสร้างงานได้ถึง 224,500 งาน ในแผนการลงทุนนี้จึงจะมีด้านที่จัดการกับสารตะกั่วในทุกเมืองที่งบประมาณ 45 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อให้มั่นใจว่าระบบน้ำจะปลอดสารตะกั่ว คนรุ่นต่อไปจะมีน้ำใช้ที่ปลอดภัย และแน่นอนว่าจะเกิดการจ้างงานอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ งบประมาณจะนำไปลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานการบำบัดน้ำเสีย การกักเก็บน้ำฝน และน้ำดื่ม ที่ปัจจุบัน สมาคมวิศวกรโยธาแห่งสหรัฐอเมริกา (American Society of Civil Engineers: ASCE) ให้คะแนนไว้ที่ D+ D และ C- ตามลำดับ ดังนั้น หากมีการอนุมัติให้ลงทุนก็จะเป็นการยกเครื่องใหม่ด้านน้ำครั้งใหญ่กับงบรวมประมาณ 750 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไปพร้อมกับการทำความสะอาดและปกป้องแหล่งน้ำบาดาลและน้ำบนผิวดิน ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากของเสียที่ส่งผลต่อแหล่งน้ำ อาทิ จากที่สละทิ้งหลุมที่เจาะพบน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ (orphan former oil and gas wells) และการสละทิ้งที่ที่เคยเป็นเหมือง (abandoned mines)
นอกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำตามที่ปรากฎในเอกสาร FACT SHEET: The American Jobs Plan ของทำเนียบขาว จะเสนอให้ลงทุนตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีการระบุถึงการปกป้องและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Infrastructure) กล่าวคือให้มีการปกป้องที่ดิน ป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ ทรัพยากรชายฝั่งและทรัพยากรทางทะเล ปกป้องไฟไหม้ป่า ให้ชายฝั่งสามารถต้านทานกับน้ำทะเลหนุนสูงและพายุเฮอร์ริเคน สนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรในเกษตรกรรม อนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำสำคัญของสหรัฐ ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีจัดการสภาพภูมิอากาศสมัยใหม่ (Climate-smart technologies) และการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพให้สามารถรองรับกับสถานการณ์น้ำแล้งและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
ทั้งนี้ ในทุกรายละเอียดของแผนการลงทุนนั้น ก็เพื่อการปกป้องแหล่งน้ำและให้มีน้ำ (สะอาด) ที่เพียงพอสำหรับทุกคน เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้นและให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ SDGs
#SDG3 หลักประกันสุขภาพและสุขภาวะที่ดีสำหรับทุกคน
#SDG6 (6.1) น้ำดื่มที่ปลอดภัย มีราคาที่สามารถซื้อได้ (6.2) ให้ทุกคนเข้าถึงสุขอนามัยที่พอเพียงและเป็นธรรม (6.3) ยกระดับคุณภาพน้ำ โดยการบำบัดน้ำเสีย การลดมลพิษทางน้ำ (6.4) ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ (6.5) บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นองค์รวม (6.6) ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศที่เกี่ยวกับแหล่งน้ำ อาทิ ภูเขา ป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ ฯลฯ
#SDG8 (8.1) การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (8.2) ผลิตภาพทางเศรษฐกิจและแรงงาน (8.5) การจ้างงานเต็มที่ มีคุณค่า และมีผลิตภาพสำหรับคนทุกกลุ่ม
#SDG13 (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยทางธรรมชาติที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
#SDG14 (14.2) ปกป้องระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง
#SDG15 (15.1) อนุรักษ์ การฟื้นฟู และใช้ระบบนิเวศบนบกและในน้ำจืดในแผ่นดิน รวมทั้งบริการทางระบบนิเวศอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ ภูเขา และเขตแห้งแล้ง
แหล่งที่มา:
https://www.nrdc.org/experts/erik-d-olson/biden-proposes-big-investments-water-its-about-time