เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2021 แพทย์หญิง Rochelle Wolensky ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ออกแถลงการณ์ ประกาศว่า ‘การเหยียดเชื้อชาติ’ เป็นภัยคุกคามต่อสาธารณสุข
“ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นผลมาจากโควิด-19 ในทางกลับกัน การระบาดใหญ่ทำให้ปัญหาความไม่เท่าเทียมที่มีมาหลายชั่วอายุคนกระจ่างขึ้นมาและเผยให้ชาวอเมริกันทุกคนได้รับรู้แต่กลับไม่มีการจัดการ แท้จริงโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อสาธารณสุข นั่นคือ การเหยียดเชื้อชาติ” ผู้อำนวยการ CDC กล่าวในแถลงการณ์
CDC คือ องค์กรสาธารณสุขขนาดใหญ่ที่สุดที่ออกแถลงการณ์ต่อประเด็นการเหยียดเชื้อชาติในระบบสาธารสุขของสหรัฐอเมริกา และมีอีกหลายๆ องค์กรที่ประกาศข้อความเช่นเดียวกัน สมาคมสาธารณสุขแห่งสหรัฐอเมริกา (American Public Health Association: APHA) กล่าวว่า มีผู้นำระดับท้องถิ่น ผู้นำรัฐ และหน่วยงานด้านสาธารณสุขมากกว่า 170 แห่งได้ประกาศเช่นกันว่าการเหยียดเชื้อชาติเป็นวิกฤตหรือภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
ผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นอยู่ ส่งผลต่อ ‘คนผิวสี’ (people of color) อย่างไม่เป็นสัดส่วนจากอุปสรรคทางโครงสร้าง นี่เป็นเป็นตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุขที่เห็นชัดเจน โดยประชาชนในกลุ่มชาติพันธุ์และชนกลุ่มน้อยมีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะติดโควิด-19 และเสียชีวิตจากโรคนี้
นอกเหนือจากข้อความในแถลงการณ์ CDC ยังได้ระบุแนวทางที่ศูนย์ฯ จะใช้สำหรับจัดการความไม่เท่าเทียมกันทางเชื้อชาติในระบบดูแลสุขภาพ เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ชัดเจนขึ้น โดยเริ่มแรกคือ CDC ใช้เงินทุนจากรัฐบาลกลางเพื่อการจัดการโควิด-19 ลงทุนในระบบสุขภาพของชุมชนคนผิวสีมากขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มประชากรอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากไม่เป็นสัดส่วนเพื่อปิดช่องว่างบริการสุขภาพ
CDC ยังเพิ่มเซกชั่นใหม่ในเว็บไซต์เพื่อประเด็นการเหยียดเชื้อชาติและสุขภาพโดยเฉพาะ
อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มของผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ที่นี่
ความเท่าเทียมด้านสาธารณสุขและการเหยียดเชื้อชาติ เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
- SDG 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ในประเด็น การเข้าถึงบริการสาธารณสุข (3.8)
- SDG 10 ลดความเหลื่อมล้ำ ในประเด็น ขจัดนโยบายและผลของนโยบายที่นำไปสู่ความไม่เสมอภาค (10.3)
ที่มา: WebMD
Last Updated on เมษายน 19, 2021