แหล่งพลังงานของฟิลิปปินส์เน้นไปที่การใช้เชื้เพลิงฟอสซิล ทั้งถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน ซึ่งคิดเป็น 73.5% ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ สาเหตุหลักเป็นเพราะแหล่งพลังงานจากฟอสซิลมีราคาถูกกว่า โดยเฉพาะถ่านหินซึ่งเป็นแหล่งเชื้อเพลงที่ใช้มากที่สุดในประเทศ จากความต้องการใช้ไฟฟ้า 75,266 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (GWh) ของฟิลิปปินส์ ใช้ถ่านหินเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าไปแล้วถึง 42.6%
แต่การผลิตกระแสไฟฟ้าจากถ่านหินสร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อโลกมากมาย การเปลี่ยนมาใช้แหล่งพลังงานใหม่ที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าจึงเป็นเรื่องจำเป็น สำหรับในฟิลิปปินส์ แหล่งพลังงานที่มีศักยภาพ คือ ความร้อนใต้พิภพ
พลังงานความร้อนใต้พิภพเป็นพลังงานหมุนเวียนรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากความร้อนใต้พื้นโลก มีความปลอดภัยกว่าแหล่งพลังงานอื่นๆ มาก และพลังงานความร้อนใต้พิภพส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิล
ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานความร้อนใต้พิภพอันดับต้นๆ ของโลกเนื่องจากตั้งอยู่ในเขตวงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ของภูเขาไฟในมหาสมุทรแปซิฟิก ปัจจุบัน ฟิลิปปินส์มีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ 7 แห่ง ซึ่งจัดหาพลังงานให้ประเทศได้ 12% โดยรัฐบาลมีแผนระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานความร้อนใต้พิภพให้ถึงสองเท่าภายในปี 2040
รัฐบาลฟิลิปปินส์มีเป้าหมายที่จะยุติการใช้ถ่านหินภายในปี 2040 และมุ่งเน้นไปที่การแหล่งพลังงานจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ตามรายงาน “Philippines Geothermal Energy Industry 2020-2025: Trends, Developments, Policies, Regulations and Key Players” ซึ่งสร้างโอกาสสำหรับตลาดพลังงานความร้อนใต้พิภพของประเทศในอนาคต
กระทรวงพลังงานของฟิลิปปินส์ระบุในรายงานเรื่อง “Philippine Energy Plan 2016-2030” ว่าพลังงานความร้อนใต้พิภพจะเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของประเทศในปี 2030 ซึ่งคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 40 ของพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดภายใต้สถานการณ์การดำเนินงานตามปกติของรัฐบาล (Business As Usual : BAU)
Energy Development Corporation (EDC) ซึ่งเป็น บริษัทชั้นนำด้านพลังงานหมุนเวียนเชื่อว่าความร้อนใต้พิภพเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างฐานพลังงานที่มีเสถียรภาพ ตอบโจทย์กับความต้องการพลังงานเพื่อเศรษฐกิจประเทศฟิลิปปินส์ที่กำลังพัฒนา
การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด อยู่ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) - SDG 7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้
ที่มา: The ASEAN Post
