นักวิจัยจาก North Carolina State University พัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมการขับขี่แบบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อบรม (interactive training program) ชื่อ Drive Aware ซึ่งเป็นโปรแกรมฝึกทักษะการรู้คิดของผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถตรวจจับอันตรายบนท้องถนนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของ Drive Aware นักวิจัยได้เกณฑ์ผู้เข้าร่วมทดสอบอายุ 65 ปีขึ้นไป จำนวน 27 คน โดยทั้งหมดจะต้องทำการทดสอบการขับขี่พื้นฐานผ่านเครื่องจำลองการขับขี่ จากนั้นจะแบ่งผู้เข้าร่วมทดสอบออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละ 9 คน กลุ่มที่ 1 คือ ‘การฝึกอบรมเชิงรุก active traning’ กลุ่มนี้จะได้รับการอบรมด้วยโปรแกรม Drive Aware เป็นจำนวน 2 รอบ แต่ละรอบห่างกันหนึ่งสัปดาห์ กลุ่มที่ 2 คือ ‘การฝึกอบรมเชิงรับ passive traning’ กลุ่มนี้จะได้ดูวิดีโอการฝึกด้วยโปรแกรม Drive Aware ของผู้อื่น เป็นจำนวน 2 รอบ แต่ละรอบห่างกันหนึ่งสัปดาห์เช่นกัน และ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มควบคุม ที่จะไม่ได้รับการฝึกอบรมใดใดเลย หลังจากนั้นผู้เข้าร่วมการทดลองจะได้รับการทดสอบการขับขี่พื้นฐานผ่านเครื่องจำลองการขับขี่อีกครั้ง
นักวิจัยพบว่า ผลการทดสอบการขับขี่ของผู้ที่ผ่าน ‘การฝึกอบรมเชิงรุก active traning’ มีการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัยน้อยลง 25% โดยเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัยนั้น ได้แก่ การเกิดอุบัติเหตุกับรถคันอื่น กับคนเดินถนน การไถลออกจากถนน เป็นต้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ผ่าน ‘การฝึกอบรมเชิงรับ passive traning’ และ กลุ่มควบคุม ไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญทางสถิติจากการทดสอบขับขี่ครั้งที่สอง
แม้ผลการทดสอบจากกลุ่มนี้จะเป็นที่น่าพอใจ แต่นักวิจัยยังต้องการเงินทุนเพื่อขยายขอบเขตการทดสอบประสิทธิภาพของโปรแกรม Drive Aware ไปยังผู้ขับขี่สูงอายุจำนวนมากขึ้น
นักวิจัยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้คนเข้าถึงโปรแกรมการฝึกอบรมนี้ให้มากที่สุด แม้ว่าการฝึกขับรถบนท้องถนนกับครูฝึกแบบตัวต่อตัวจะทำให้ทักษะนั้นติดตัวไปได้นานกว่าหลายปี แต่ก็มีราคาสูงมาก หรือตัวเลือกการฝึกอบรมในเครื่องจำลองเทคโนโลยีสูงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้สูงอายุจะเข้าถึง การใช้โปรแกรม Drive Aware จากคอมพิวเตอร์ที่บ้านอาจมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยรักษาชีวิตผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้นได้
งานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร Traffic Injury Prevention เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา
การขับขี่ปลอดภัย เกี่ยวข้องกับ SDGs ใน SDG3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ในประเด็น การตายและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน (3.6)
ที่มา : NC State University
Last Updated on มิถุนายน 30, 2021