โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environment Program: UNEP) ประกาศว่า ปี 2021 เป็นหมุดหมายสำคัญของจุดจบการใช้น้ำมันเบนซินผสมสารตะกั่วสำหรับรถยนต์และรถบรรทุกทั่วโลก เมื่อสถานีจ่ายน้ำมันที่มีสารตะกั่วในประเทศแอลจีเรียหยุดให้บริการแล้วในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
การเติมสารตะกั่วในน้ำมันเบนซินเพื่อปรับปรุงสมรรถนะของเครื่องยนต์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน แต่ถึงกระนั้น ภายในปี 1970 น้ำมันที่ผลิตได้เกือบทั้งหมดทั่วโลกมีส่วนผสมของสารตะกั่ว จากนั้นในช่วงทศวรรษ 1980 ประเทศที่มีรายได้สูงส่วนใหญ่ได้ห้ามการใช้น้ำมันเบนซินผสมสารตะกั่ว แต่จนถึงปลายปี 2002 กลุ่มประเทศรายได้ต่ำและปานกลางเกือบทั้งหมด รวมทั้ง ประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) บางส่วนยังคงใช้น้ำมันเบนซินที่มีสารตะกั่ว
การใช้น้ำมันเบนซินผสมสารตะกั่วเป็นภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดปัญหาหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อสุขภาพของมนุษย์ เพราะมลพิษที่เกิดจากการใช้เชื้อเพลิงนี้ปนเปื้อนทั้งในอากาศ ดิน น้ำดื่ม พืชที่ปลูกเป็นอาหาร รวมถึงยังสามารถเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหัวใจ มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และยังเชื่อมโยงกับปัญหาการพัฒนาการด้านสมองในเด็ก
UNEP คาดการณ์ว่า การยุติการใช้น้ำมันเบนซินที่มีสารตะกั่วช่วยป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้มากกว่า 1.2 ล้านคนต่อปี ป้องกันการเกิดความเสียหายต่อพัฒนาด้านสมองของเด็กโดยวัดจาดการเพิ่มคะแนนของ IQ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายถึง 2.45 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในทุกประเทศทั่วโลกต่อปี และการเปลี่ยนมาใช้พลังงานที่สะอาดกว่าจะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกด้วย
การสิ้นสุดยุคของการใช้เชื้อเพลิงมลพิษสูงนี้ เป็นความสำเร็จของการรณรงค์เป็นเวลา 19 ปี ของแคมเปญ Clean Fuels and Vehicles (PCFV) เพื่อกำจัดสารตะกั่วในน้ำมันเบนซินที่นำโดย UNEP และพันธมิตรตั้งแต่เมื่อปี 2002
ประเด็นดังกล่าว เกี่ยวข้องกับ #SDG3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี - (3.9) ลดจำนวนการตายและการเจ็บป่วยจากสารเคมีอันตรายและจากมลพิษและการปนเปื้อนทางอากาศ น้ำ และดิน ให้ลดลงอย่างมาก ภายในปี 2573 #SDG7 พลังงานสะอาดที่จ่ายได้ - (7.2) เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผสมผสานการใช้พลังงานของโลก ภายในปี 2573 - (7.a) ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศในการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการวิจัย และเทคโนโลยีพลังงานที่สะอาด โดยรวมถึงพลังงานทดแทน ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และเทคโนโลยีเชื้อเพลิงฟอสซิลชั้นสูงและสะอาด และสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและเทคโนโลยีพลังงานที่สะอาด ภายในปี 2573 #SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน - (11.6) ลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมต่อหัวประชากรในเขตเมือง รวมถึงการให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการจัดการคุณภาพอากาศ การจัดการของเสียของเทศบาล และการจัดการของเสียอื่นๆ ภายในปี 2573 #SDG12 แบบแผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน - (12.4) บรรลุการจัดการสารเคมีและของเสียทุกชนิดตลอดวงจรชีวิตของสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่ตกลงกันแล้ว และลดการปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกสู่อากาศ น้ำ และดินอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อจะลดผลกระทบทางลบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดภายในปี 2563 #SDG13 ต่อสู้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ - (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
ที่มา
Highly polluting leaded petrol now eradicated from the world (BBC)
Era of leaded petrol over, eliminating a major threat to human and planetary health (UNEP)