รายงานการสำรวจ Food and Health Survey 2021 ล่าสุดโดยสภาข้อมูลอาหารสากล (International Food Information Council – IFIC) เผยว่าผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ มีความกังวลเรื่อง ‘สารเคมี’ ในอาหารอย่างมีนัยสำคัญ เพราะส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องควบคุมความปลอดภัยของสารปรุงแต่งเหล่านี้ ถึงกระนั้นก็ไม่มั่นใจว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration – FDA) จะยืนยันความปลอดภัยของวัตถุเจือปนในอาหาร/สารปรุงแต่งเหล่านี้ได้ตรงตามความเป็นจริง เช่น การแทนที่น้ำตาลในเครื่องดื่มและอาหารด้วยสารให้ความหวานที่ให้แคลอรี่ต่ำหรือไม่มีแคลอรี่ เป็นต้น
ทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเลือกบริโภคโดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเป็นชื่อของสารเคมี ส่วนบริษัทอาหารก็ปรับส่วนผสมในฉลากอาหารให้ฟังดูปลอดภัยขึ้น อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาจากผู้ผลิตและผู้บริโภคเช่นนี้ไม่ตรงจุด IFIC เสนอว่า FDA จะต้องเข้ามาจัดการในกระบวนการยืนยันความปลอดภัยด้านอาหารอย่างจริงจังมากขึ้น
ผลจากการสำรวจโดยคร่าวระบุว่า
- มีผู้บริโภคเพียง 1 ใน 6 ที่มั่นใจว่าอาหารมีความปลอดภัย
- สารเคมีในอาหารเป็นความกังวลอันดับต้นในเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารของสหรัฐฯ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 สำหรับการสำรวจล่าสุด 29% ของผู้บริโภคมองว่าประเด็นความปลอดภัยด้านอาหารที่สำคัญที่สุดอันดับ 1 คือ สารเคมีในอาหาร หรือ สารก่อมะเร็ง (carcinogens) ในอาหาร ขณะที่ประเด็นรองลงมามีทั้งการป่วยไข้ที่มีสาเหตุมาจากแบคทีเรียในอาหาร (26%) ยาฆ่าแมลง (12%) อาหารที่ดัดแปลงทางพันธุกรรมหรืออาหารทางวิศวกรรมชีวภาพ (GMO/Bioengineered food) 9% และวัตถุเจือปนในอาหาร (9%)
- 54% ของผู้บริโภคมองว่าสำคัญมากที่รายการชื่อส่วนผสมไม่มีชื่อคล้ายกับเป็นสารเคมี สิ่งที่ตามมาคือ บริษัทอาหารจึงปรับฉลากอาหารให้ ‘ปลอดภัย’ ขึ้น (clean label) โดยการนำส่วนผสมนั้น ๆ ออกไป หรือเป็นเพียงแค่การปรับชื่อไม่ให้ฟังดูคล้ายสารเคมีเท่านั้น
เป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจในความปลอดภัยด้านอาหารของหน่วยงานภาครัฐนั้น มาจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (Food and Drug Administration – FDA) อนุญาตให้บริษัทอาหารสามารถกำหนดได้ว่าสารปรุงแต่งใดที่ปลอดภัย (self-certify) โดยการเปิดให้หน่วยงานและสาธารณชนทราบหรือเข้ามาร่วมทบทวนโดยสมัครใจนั้น เป็นเพียงทางเลือกแต่ไม่ได้บังคับ และบริษัทอาหารเองอาจจะไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบจากสารเคมีในอาหารที่สะสมในร่างกาย หรือไม่ได้มีการประเมินเชิงระบบ กล่าวคือ ไม่ได้มีการประเมินผลจากการตัดสินใจที่ผ่านมา แม้หากมีหลักฐานชี้ว่าการตัดสินใจเหล่านั้นสามารถก่ออันตรายได้
ข้อเสนอแนะของรายงานการสำรวจข้อสำคัญระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ จะต้องเข้ามาจัดการแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งการยืนยันความปลอดภัยด้านอาหารตั้งแต่สิ่งแวดล้อม-แหล่งผลิตอาหาร กระบวนการแปรรูปอาหาร และบรรจุภัณฑ์ ไม่ใช่เพียงแค่การพึ่งพิงข้อมูลจากบริษัทอาหารหรือฉลากอาหารเท่านั้น และจะต้องทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าส่วนผสม/สารเคมีในอาหารเหล่านี้มีความปลอดภัยจริง โดยผู้บริโภคควรได้รับข้อมูลที่ชี้ว่าส่วนผสม/สารเคมีในอาหารใดที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกายด้วย
Food and Health Survey เป็นการสำรวจประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพและโภชนาการในสหรัฐฯ ทั้ง การผลิตอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหาร รูปแบบการบริโภค พฤติกรรมการบริโภค และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยเรื่องอาหาร
● อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
– ‘ความไม่มั่นคงทางโภชนาการ’ : ปัญหาด้านอาหารที่แท้จริงของสหรัฐฯ ที่กระทบต่อสุขภาพที่ดีของชาวอเมริกัน
– เด็กและวัยรุ่นอายุ 2-19 ปีในสหรัฐฯ บริโภคอาหารที่แปรรูปมากเป็นพิเศษมากถึง 2 ใน 3 ของแคลอรี่
– การศึกษาด้านโภชนาการ การอุดหนุนราคาอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการเพิ่มภาษีอาหารที่ไม่มีประโยชน์ สามวิธีป้องกันโรคและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษา
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG2 ยุติความหิวโหย ความมั่นคงทางอาหาร โภชนาการที่ดี เกษตรกรรมที่ยั่งยืน
#SDG3 สุขภาพและสุขภาวะที่ดี
-(3.4) ลดการตายก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลง 1 ใน 3 ผ่านทางการป้องกันและการรักษาโรค และส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ภายในปี 2573
-(3.9) ลดจำนวนการตายและการป่วยจากสารเคมีอันตราย และจากการปนเปื้อนและมลพิษทางอากาศ น้ำ และดิน ให้ลดลงอย่างมาก ภายในปี 2573
แหล่งที่มา:
Chemicals in food continue to be a top food safety concern among consumers (Food Safety News)