หาก 50% ของบ้านทั่วโลกติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอที่โลกต้องการใช้ทั้งปี

การศึกษาใหม่พบว่า การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน 50% ของทั้งโลก สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าต่อปีของคนทั่วโลก

งานวิจัย ‘High resolution global spatiotemporal assessment of rooftop solar photovoltaics potential for renewable electricity generation‘ ที่ตีพิมพ์ลงวารสาร Nature Communications ประเมินศักยภาพของการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังบ้านที่พักอาศัย และคำนวณพื้นที่หลังคาที่มากพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอสำหรับความต้องการใช้ไฟโลก ผลการศึกษาพบว่า ต้องการหลังคาบ้านที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพียง 50% ของจำนวนบ้านทั่วโลกเท่านั้น ก็สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากเท่ากับความต้องการใช้ต่อปีของคนทั่วโลก

นอกจากศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิตไฟฟ้าแล้ว ยังศึกษาว่าพื้นที่ส่วนใดโลกมีความเหมาะสมสำหรับเป็นแหล่งผลิต พบว่า ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านในเขตละติจูดสูง เช่น ยุโรปตอนเหนือหรือแคนาดา มีความผันผวนสูงถึง 40% ตลอดระยะเวลาทั้งปี เนื่องจากปริมาณแสงแดดที่ต่างกันมากระหว่างฤดูหนาวและฤดูร้อน ในขณะที่ บ้านในพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมีความเสถียรในการผลิตไฟฟ้าสูงกว่ามาก โดยปริมาณพลังงานที่ผลิตได้ในทุกฤดูแตกต่างกันอยู่เพียงประมาณ 1% เท่านั้น

ผลการศึกษาได้ระบุ 3 ภูมิภาคที่เป็น ‘จุดเหมาะสม’ สำหรับการติดตั้งหลังคาแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ได้แก่ เอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยเอเชียเป็นตัวเลือกที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด เพราะมีต้นทุนการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ต่ำและมีแสงแดดจ้าตลอดทั้งปี ทำให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้า 1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) หรือเท่ากับปริมาณเพื่อใช้งานแล็ปท็อปหนึ่งชั่วโมงได้ในราคาต่ำถึง 0.05 p หากผลิตในประเทศจีนหรืออินเดีย ในขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านในสหรัฐอเมริกามีต้นทุนสูงที่สุด

การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านเพื่อผลิตไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่มีต้นทุนถูกลงอย่างรวดเร็ว โดยค่าใช้จ่ายในปี 2019 ถูกลงกว่าปี 2010 ถึงกว่า 80% ทำให้ราคาถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าจากทั้งนิวเคลียร์และถ่านหิน และสูงกว่าพลังงานลมบนบก (onshore wind) เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ได้รับความสนใจมากขึ้นทั้งจากภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเพื่อลดการพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และยังเป็นการเพิ่มการเข้าถึงไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงยังสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอซซิลด้วย

อย่างไรก็ตาม การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ยังมีข้อด้อยอยู่บางประการ โดยเฉพาะกับบ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่มีแสงแดดไม่สม่ำเสมอตลอดปี จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ในจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ ซึ่งยังมีราคาสูงมาก นอกจากนี้ ไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานในบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมหนักและการแปรรูปโลหะที่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟสูงและการจ่ายไฟแบบเฉพาะ เป็นต้น

ประเด็นดังกล่าว เกี่ยวข้องกับ
#SDG7 พลังงานไฟฟ้าที่เข้าถึงได้
- (7.1) สร้างหลักประกันว่ามีการเข้าถึงการบริการพลังงานสมัยใหม่ที่เชื่อถือได้ ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ ภายในปี พ.ศ. 2573
- (7.2) เพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนพลังงานของโลก (global energy mix) ภายในปี พ.ศ. 2573

ที่มา :
The price of solar power has fallen by over 80% since 2010. Here’s why (WEForum)
Solar panels on half the world’s roofs could meet its entire electricity demand – new research (WEForum)

Last Updated on พฤศจิกายน 10, 2021

Author

  • Natetida Bunnag

    Social Media Manager - ตัวแทน 'คนธรรมดา' ในชุมชนนักวิชาการ อ่าน แปล และสื่อสารเรื่องความยั่งยืน

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น