การตรวจคัดกรองโรคซึมเศร้าในโรงเรียนแบบถ้วนหน้ามีส่วนสำคัญในการระบุเด็กและวัยรุ่นที่มีอาการ และนักเรียนที่ได้รับการคัดกรองนี้และมีอาการมีแนวโน้มที่จะเริ่มเข้ารับการรักษามากขึ้น
งานวิจัย ‘Screening in High Schools to Identify, Evaluate, and Lower Depression Among Adolescents: A Randomized Clinical Trial’ ทำการศึกษาในกลุ่มนักเรียนเกือบ 13,000 คนในระดับเกรด 9 – เกรด 12 (เทียบเท่ากับระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 – 6) จากโรงเรียนมัธยมของรัฐเพนซิลเวเนียทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในเขตเมืองและชนบท ตั้งแต่ปี 2018-2020 เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการตรวจคัดกรองอาการของโรคซึมเศร้าในโรงเรียนระหว่าง รูปแบบที่มีอยู่ที่ให้เฉพาะนักเรียนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายได้รับการตรวจคัดกรอง และ การตรวจคัดกรองถ้วนหน้าทุกคน (universal screening)
ทีมนักวิจัยจาก Penn State University พบว่า การตรวจคัดกรองอาการโรคซึมเศร้าในโรงเรียนแบบถ้วนหน้า ช่วยเพิ่มทั้งการระบุอาการป่วยและเพิ่มการเริ่มต้นการเข้ารับการรักษาของนักเรียน การตรวจคัดกรองถ้วนหน้านี้ยังทำให้พบจำนวนนักเรียนหญิงและนักเรียนที่ไม่ใช่คนผิวขาว (minority) ที่มีอาการของโรคซึมเศร้ามากกว่า แม้ว่านักเรียนกลุ่มนี้จะไม่ได้มีการเริ่มต้นเข้ารับการรักษามากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่โดยรวมแล้ว นักเรียนที่ได้รับการตรวจคัดกรองโรคซึมเศร้าถ้วนหน้าในโรงเรียนมีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นรักษามากกว่าถึงสองเท่า
แม้กระทั่งก่อนการระบาดของโควิด-19 ความกังวลเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าของนักเรียนก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยระหว่างปี 2008 – 2018 มีรายงานจำนวนนักเรียนที่มีภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้นจาก 8.3% เป็น 14.4% คิดเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ภายในระยะเวลาสิบปี และการฆ่าตัวตายยังเป็นสาเหตุอันดับสองของการเสียชีวิตในวัยรุ่นสหรัฐฯ ด้วย
วัยรุ่นอายุระหว่าง 12-18 ปีในสหรัฐอเมริกาทุกคนได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการตรวจคัดกรองโรคซึมเศร้าในการตรวจสุขภาพเบื้องต้นประจำปีที่โรงพยาบาล แต่ในความเป็นจริงมีจำนวนน้อยกว่าครึ่งที่ได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ นี่ทำให้การตรวจคัดกรองเฉพาะในสถานพยาบาลอาจไม่เพียงพอ ในผลการศึกษาจึงระบุว่า การตรวจคัดกรองโรคซึมเศร้าในโรงเรียนจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการระบุอาการและการรักษาโรคซึมเศร้าได้แต่เนิ่น ๆ เนื่องจากเด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่เข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐ
ประเด็นดังกล่าว เกี่ยวข้องกับ
#SDG3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
- (3.4) ลดการตายก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลงหนึ่งในสาม ผ่านทางการป้องกันและการรักษาโรค และสนับสนุนสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ภายในปี พ.ศ. 2573
#SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ
- (4.a) สร้างและยกระดับสถานศึกษา ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์การศึกษาที่อ่อนไหวต่อเด็ก ผู้พิการ และเพศภาวะ และจัดให้มีสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ปราศจากความรุนแรง ครอบคลุมและมีประสิทธิผลสำหรับทุกคน
ที่มา :
Depression Screening at School Ups Odds of Treatment (Futurity)
Schools play key role in diagnosing depression earlier among children (Phillyvoice)
Last Updated on พฤศจิกายน 18, 2021