รายงานจากคณะผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ หน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ เผยว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 3 ในประเด็นการยุติการตายที่ป้องกันได้ของทารกแรกเกิดและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ของโลกยังไม่เข้าใกล้ความเป็นจริง โดยมีมากกว่า 50 ประเทศที่จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ภายในปี 2030 และยังพบความเร่งด่วนในการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลติดตามสุขภาพและอัตราการเสียชีวิตของเด็กในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง
รายงาน ‘Levels and trends in child mortality: Report 2021’ จัดทำโดย United Nations Inter-agency Group for Child Mortality Estimation (UN IGME) ซึ่งเป็นคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญจากองค์การยูนิเซฟ องค์การอนามัยโลก กลุ่มธนาคารโลก และส่วนงานประชากรแห่งสหประชาชาติ ประมาณอัตราการเสียชีวิตของเด็กในระดับโลก พบว่า ในปี 2020 มีเด็กมากกว่า 5 ล้านคนที่เสียชีวิตก่อนอายุครบ 5 ปี ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กแรกเกิดถึง 2.4 ล้านคน และมีเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 5 ถึง 24 ปี 2.2 ล้านคนที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา ตัวเลขความสูญเสียนี้มีส่วนใหญ่มาจากสาเหตุที่สามารถป้องกันหรือรักษาได้
ทั้งนี้ ยังพบประเด็นช่องว่างของข้อมูลการเสียชีวิตของเด็กที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ และการระบาดของโควิด-19 ยิ่งทำให้เกิดความท้าทายต่อการพัฒนาความพร้อมและคุณภาพของข้อมูล รายงานฉบับนี้ระบุว่า มีประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลางเกือบ 2 ใน 3 (97 ประเทศ จากทั้งหมด 135 ประเทศ) ที่ไม่มีข้อมูลการเสียชีวิตของเด็กที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
ความไม่พร้อมและไม่มีคุณภาพของข้อมูลติดตามสุขภาพและการเสียชีวิตของเด็กอาจทำให้ผู้มีอำนาจไม่สามารถพัฒนาระบบบริการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับเด็กและวัยรุ่นอย่างครอบคลุมได้ และอาจไม่สามารถทำความเข้าใจผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็กที่แตกต่างกันไปตามกลุ่มอายุและสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างแท้จริง
ประเด็นดังกล่าว เกี่ยวข้องกับ
#SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
- (3.2) ยุติการตายที่ป้องกันได้ของทารกแรกเกิดและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยทุกประเทศมุ่งลดอัตราการตายในทารกลงให้ต่ำถึง 12 คน ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน และลดอัตราการตายในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ลงให้ต่ำถึง 25 คน ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2573
#SDG17 หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- (17.8) ยกระดับการสนับสนุนด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศพัฒนาน้อยที่สุดและรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก ให้เพิ่มการมีอยู่ของข้อมูลที่มีคุณภาพ ทันเวลาและเชื่อถือได้ จำแนกตามรายได้ เพศ อายุ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ สถานะการอพยพ ความพิการ ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และคุณลักษณะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามบริบทของประเทศ ภายในปี พ.ศ. 2563
