แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาโลกจะเผชิญกับข่าววิกฤติและภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมในหลายพื้นที่ข้ามซีกโลก โดยมีตั้งแต่คลื่นความร้อน ไฟป่า น้ำท่วม หรือแมลงระบาดทำลายพืชผลทางการเกษตร แต่ข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยังมีปรากฎให้เห็นเป็นข่าวดีสำหรับโลกอยู่บ้าง กับ 5 เรื่องราวข่าวสิ่งแวดล้อมดี ๆ ในปี 2564 ที่สำนักข่าว Al Jazeera รวบรวมมาในฉบับนี้
01 – ชั้นโอโซนกำลังฟื้นตัว
ปัญหาชั้นโอโซนเป็นเรื่องที่อยู่ในใจกลางของบทสนทนาว่าด้วยสภาพภูมิอากาศและสาเหตุหลัก ๆ ของปัญหาสิ่งแวดล้อมมาเสมอตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 (พ.ศ. 2523 – 2532) โดยที่มีการส่งเสียงเรียกร้องและความพยายามป้องกันกิจกรรมของมนุษย์ไม่ให้ก่อให้เกิดรูโหว่หรือทำให้รูโหว่ของชั้นโอโซนที่มีอยู่ขยายใหญ่ขึ้น เพื่อให้ชั้นโอโซนยังสามารถปกป้องโลกจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายได้
ข่าวดีที่ว่าคือ แม้รูโหว่ในชั้นโอโซนจะมีขนาดใหญ่มากเทียบเท่าได้กับขนาดของทวีปอเมริกาเหนือ ทว่าตามข้อมูลของ UN ระบุว่า ชั้นโอโซนกำลังฟื้นตัวในอัตรา 1 – 3% ในทุก 10 ปี โดยคาดการณ์ว่ารูโหว่ในซีกโลกเหนือจะฟื้นตัวกลับอย่างสมบูรณ์ภายในทศวรรษ 2030 (พ.ศ. 2573 – 2582) และคาดการณ์ว่ารูโหว่ในซีกโลกใต้และบริเวณขั้วโลกจะฟื้นตัวภายในทศวรรษ 2060 (พ.ศ. 2603 – 2612)
ในแง่ของผลกระทบที่มีต่อสุขภาพของมนุษย์ การศึกษาล่าสุดโดย US National Center for Atmospheric Research (NCAR) ระบุว่าอย่างกรณีของสหรัฐฯ การฟื้นตัวของชั้นโอโซนอันเป็นผลมาจากกฎระเบียบตามพิธีสารมอนทรีออล 1987 ที่จัดการกับสารเคมีซึ่งมนุษย์ผลิตขึ้น100 ชนิดแต่มีผลทำลายชั้นโอโซนและสุขภาพของมนุษย์เองนั้น เป็นอีกก้าวสำคัญที่คาดว่าจะช่วยให้ชาวอเมริกันราว 443 ล้านคนรอดพ้นจากมะเร็งผิวหนังภายในสิ้นศตวรรษนี้ได้
02 – การผสมเทียมปะการัง (Coral IVF) ช่วยชีวิตแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟของออสเตรเลีย
แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟเป็นแหล่งมรดกโลกที่มีความอุดมสมบูรณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพ ทว่าภัยคุกคามครั้งใหญ่ตลอดหลายปีมานี้คือ อุณหภูมิของมหาสมุทรที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนทำมาซึ่งปรากฎการณ์การฟอกขาวปะการังที่สามารถทำให้ปะการังตายได้ และจะกระทบต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรเป็นลำดับ
แต่ด้วยความพยายามของนักวิทยาศาสตร์กับการใช้วิธีผสมเทียมปะการังก่อนที่จะนำไปปล่อยกลับคืนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการฟอกขาวหรือพายุ ทำให้สามารถรักษาชีวิตปะการังอ่อนเกิดใหม่กว่าพันล้านชีวิตในพื้นที่และเกิดการขยายพันธุ์ต่อไปได้
กระนั้นแม้จะเป็นข่าวดีจากการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกู้สถานการณ์เอาไว้ หรือสามารถนำไปช่วยฟื้นฟูปะการังในพื้นที่อื่นของโลก แต่หากต้นตอของปัญหาดังกล่าวยังไม่ถูกแก้ไข วิธีการนี้อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว
● อ่านเพิ่มเติมเรื่องที่เกี่ยวข้อง Florida Coral Rescue Center ใช้ห้องแลปหาสาเหตุโรคระบาด SCTLD ที่ทำลายแนวปะการังในฟลอริดาและแถบแคริบเบียน
03 – แพนดายักษ์ของจีนไม่ถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์แล้ว
เมื่อกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา จีนประกาศว่าความพยายามอนุรักษ์และสร้างโครงข่ายพื้นที่คุ้มครองสัตว์ป่าของจีน ทำให้แพนดายักษ์หลุดออกจากการจัดกลุ่มเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์แล้ว ซึ่งเป็นการประเมินความคืบหน้าในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกันกับที่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature – IUCN) ได้ประเมินเอาไว้ในช่วงปี 2559
● อ่านต่อ ข่าวดี! แพนด้ายักษ์ไม่ถือเป็น ‘สัตว์ใกล้สูญพันธุ์’ แล้ว
04 – โลกหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้นเป็นประวัติศาสตร์
ตามรายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency – IEA) ประจำกรุงปารีส ฝรั่งเศส ได้ประเมินว่าโลกหันมาติดตั้งแผงโซลาเซลล์และทุ่งกังหันลมกันมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 290 กิกะวัตต์
ตามเทรนด์นี้เป็นไปได้ว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ไฟฟ้าที่โลกจะได้ใช้มากกว่า 90% จะมาจากพลังงานหมุนเวียน โดยที่คาดว่าศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนจะล้ำหน้าชนะผลรวมของการผลิตพลังงานจากฟอสซิลและการผลิตจากนิวเคลียร์ ภายในปี 2026 (พ.ศ. 2569) กระนั้น แม้จะเป็นข่าวดีก็มีข้อควรระวังว่า การเติบโตดังกล่าวยังไม่รวดเร็วพอตามที่ตั้งเป้าหมายของการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593)
● อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานใน ซีรีส์การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม (Just Energy Transition)
05 – การขยายพื้นที่คุ้มครองทางทะเลบริเวณหมู่เกาะกาลาปากอส
หมู่เกาะกาลาปากอสเป็นมรดกโลกที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ของความหลากหลายทางชีวภาพ แต่กลับเผชิญกับความท้าทายทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการประมงผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี เมื่อพฤศจิกายนปี 2564 ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ได้ประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่รายล้อมพื้นที่ของหมู่เกาะกาลาปากลอสเอาไว้
ตามมาด้วยการประกาศข้อริเริ่ม “แนวระเบียงพื้นที่คุ้มครองทางทะเลแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออก” (Eastern Tropical Pacific Marine Corridor – CMAR) ร่วมกับอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ปานามา โคลัมเบีย และคอสตาริกา เชื่อมพื้นที่มหาสมุทรที่มีอาณาเขตติดต่อกัน เป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Areas – MPAs) ขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดมากกว่า 500,000 ตารางกิโลเมตร และทำให้ CMAR เป็นหนึ่งในพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งในโลก
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG7 พลังงานสมัยใหม่
-(7.2) เพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนในการผสมผสานการใช้พลังงานของโลก ภายในปี 2573
#SDG13 การรับมือและจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
#SDG14 ทะเลและมหาสมุทร
-(14.2) บริหารจัดการและปกป้องระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง เสริมภูมิต้านทานและปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟู เพื่อบรรลุการมีมหาสมุทรที่มีสุขภาพดีและมีผลิตภาพ
-(14.4) กำกับการเก็บเกี่ยวและยุติการประมง IUU และแนวปฏิบัติด้านการประมงที่เป็นไปในทางทำลาย ฟื้นฟูประชากรปลาอย่างน้อยที่สุดในระดับที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดที่ให้ผลตอบแทนแบบยั่งยืน (maximum sustainable yield)
-(14.5) อนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งอย่างน้อยร้อยละ 10
#SDG15 ระบบนิเวศบนบก
-(15.5) ลดการเสื่อมโทรมของถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ หยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ปกป้องและป้องกันการสูญพันธ์ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม
แหล่งที่มา:
Five good-news environmental stories from 2021 (Al Jazeera)