บริษัท MeaTech ผู้ผลิตเนื้อสัตว์จากการเพาะเนื้อเยื่อจากเซลล์สัตว์ (cultivated meat) ในประเทศอิสราเอล ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการ United Nations Global Compact (UNGC) หรือ “กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ” ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งของสหประชาชาติที่มีเป้าหมายในการกระตุ้นให้องค์กรธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกหันมาใช้นโยบายในการดำเนินกิจการให้มีความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น โดย MeaTech ได้วางตัวเป็นบริษัทแนวหน้าในการผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงที่เป็นทางเลือกในการบริโภคออกสู่ตลาด เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
Arik Kaufman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MeaTech กล่าวในแถลงการณ์ว่า “บริษัท MeaTech ภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้ปฏิบัติตามหลักการของ UN Global Compact” โดย MeaTech จะส่งรายงานความก้าวหน้า หรือ Communication on Progress (COP) เป็นประจำทุกปีให้แก่ UNGC เพื่อชี้แจงความพยายามต่อการดำเนินการตามหลักการสากลของ UNGC 10 ประการ ทั้งในด้านสิทธิมนุษยชน มาตรฐานแรงงาน การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต รวมไปถึงร่วมผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ เพื่อสนับสนุนความรับผิดชอบต่อสาธารณะและความโปร่งใสของภาคธุรกิจ
Kaufman กล่าวว่า “หลักการ UN Global Compact ไม่ใด้เพียงแค่สอดคล้องตามเป้าหมายเฉพาะทางของธุรกิจของเราที่อยู่ในฐานะธุรกิจเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงชั้นนำเพียงเท่านั้น แต่เรายังคงเชื่อด้วยว่า เป็นหน้าที่ของทุกธุรกิจและทุกองค์กร ในฐานะของชุมชนระดับโลก ที่จะต้องดำเนินการอย่างทะเยอทะยานเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาความท้าทายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่”
MeaTech เปิดตัวการผลิตเมื่อปี 2562 โดยป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ในกรรมวิธีการผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจากเซลล์สัตว์ ตามเป้าหมายของบริษัทในการจัดหา “ทางเลือกใหม่ให้กับการทำอุตสาหกรรมฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่จะช่วยลดการใช้น้ำและที่ดินให้น้อยที่สุด และไม่ต้องฆ่าสัตว์” โดยจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากขึ้น เนื่องมาจากภาคการผลิตด้านปศุสัตว์นั้นได้สร้างผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดมา ด้วยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับภาคอุตสาหกรรมอื่นทั่วโลก
ในปัจจุบัน MeaTeach มีการดำเนินงานในประเทศเบลเยียมและอิสราเอล และมีแผนที่จะขยายฐานการผลิตไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทกำลังดำเนินงานเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัว ไก่ และเนื้อหมู ทั้งในแบบวัตถุดิบและแบบตัดชิ้นขาย เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับการผลิตโปรตีนจากสัตว์
จากรายงานล่าสุดจาก IPCC หรือ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เรียกร้องให้มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วนภายในปี 2568 โดยกล่าวว่าการลดก๊าซมีเทนลง 30 เปอร์เซ็นต์ มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมตามข้อตกลงปารีส ซึ่งรายงานจาก IPCC ฉบับนี้ถือเป็นรายงานฉบับประวัติศาสตร์ของโลกที่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นความเร่งด่วนของทุกภาคส่วนในการดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ขณะเดียวกัน เมื่อปี 2559 ได้มีการรวมตัวผนึกกำลังกันของ 15 องค์กรธุรกิจชั้นนำในประเทศไทยในหารจัดตั้งเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กประเทศไทย (Global Compact Network Thailand) ซึ่งเป็นเครือข่ายท้องถิ่นของ UNGA เพื่อเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์การทำธุรกิจอย่างยั่งยืนในประเทศไทยให้เติบโต ปัจจุบันสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยมีบริษัทสมาชิกทั้งหมดกว่า 90 องค์กรในทุกภาคส่วน ทำงานสร้างความร่วมมือและให้การสนับสนุนบริษัทต่าง ๆ เพื่อการดำเนินธุรกิจตามหลักการของ UNGA และร่วมขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
● อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
– Kubé ธุรกิจเพื่อสังคมที่ผลิตไอศกรีมทำจากหัวกะทิ ส่งเสริม Food Justice ให้กับผู้ผลิตท้องถิ่น ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน – SDG Move
– เมล็ดกาแฟปลูกในห้องแล็บอาจพร้อมเสิร์ฟภายใน 4 ปีหน้า นักวิทย์ฟินแลนด์หวังลดพื้นที่ทำไร่และก๊าซเรือนกระจก
– FAO ออกคู่มือ ‘Climate-Smart Livestock’ เป็นทางออกให้ภาคปศุสัตว์ในเอเชียแปซิฟิก เพิ่มผลิตภาพพร้อมกับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
– แก้ปัญหาที่แหล่งปล่อยก๊าซมีเทน: วิธีการที่เร็วที่สุดเพื่อชะลอให้ภาวะโลกร้อนขึ้นเป็นไปอย่างช้าลงได้
– ก้าวสู่โกลบอลคอมแพ็กประเทศไทย เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG2 ขจัดความหิวโหย
– (2.4) ทำให้เกิดความมั่นใจในระบบการผลิตอาหารและการปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยืดหยุ่นเพื่อเพิ่มผลิตภาพผลผลิตและผลผลิตที่จะช่วยรักษาระบบนิเวศที่จะเพิ่มความเข้มแข็งในศักยภาพในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สภาพอากาศสุดขั้ว ความแห้งแล้ง น้ำท่วม และความเสียหาย และเพื่อปรับปรุงคุณภาพดินและที่ดินอย่างก้าวกระโดด ภายในปี 2573
#SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม
– (9.4) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการใช้เทคโนโลยีและกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยทุกประเทศดำเนินการตามขีดความสามารถของแต่ละประเทศ ภายในปี 2573
#SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
– (12.4) บรรลุการจัดการสารเคมีและของเสียทุกชนิดตลอดวงจรชีวิตของสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่ตกลงกันแล้ว และลดการปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกสู่อากาศ น้ำ และดินอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อจะลดผลกระทบทางลบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดภายในปี 2563
– (12.6) สนับสนุนให้บริษัท โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติและบริษัทขนาดใหญ่ รับแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนไปใช้ และผนวกข้อมูลด้านความยั่งยืนลงวงจรการรายงานของบริษัทเหล่านั้น
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.16) ยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมเติมเต็มหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายซึ่งจะระดมและแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และทรัพยากรด้านการเงิน เพื่อจะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
แหล่งที่มา:
– MeaTech Joins the UN’s Global Compact Initiative on Sustainability (greenqueen).
– MeaTech Joins United Nations Global Compact Initiative (meatech).
– SUSTAINABILITY FOR EVERYONE (globalcompact-th).
– ปัจจุบันเราเป็นเครือข่ายภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (globalcompact-th).
ผลงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ภายใต้โครงการเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสุขภาพของประเทศไทย
