ช่วงที่ผ่านมาประเด็น “สมรสเท่าเทียม” หรือ same-sex marriage เป็นอีกประเด็นร้อนที่มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นทั้งในสังคมและสื่อออนไลน์ในหลายประเทศ โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ผ่านร่างกฎหมาย “การรับรองสถานะคู่ชีวิตแก่คู่รักเพศเดียวกัน” หรือ same-sex partnerships ซึ่งเป็นการขยายสิทธิบางอย่างแก่คู่รักกลุ่ม LGBTQ+ ให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับคู่รักต่างเพศที่แต่งงานกัน และจะช่วยให้คู่รักเพศเดียวกันในสังคมญี่ปุ่นซึ่งเป็นสังคมที่มีความอนุรักษ์นิยมสูงนั้น สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ในที่สาธารณะและไม่ต้องเผชิญปัญหาการเลือกปฏิบัติ (discrimination) ในที่ทำงาน แม้จะไม่ใช่การสมรสตามกฎหมาย แต่ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการเรียกร้องให้เกิดสิทธิและเสรีภาพในการสมรสเท่าเทียมอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
แม้การรับรองสถานะคู่ชีวิตนั้น จะมีการขยายสิทธิบางประการให้ครอบคลุมผู้คนในสังคมเพิ่มขึ้น เช่น สิทธิการเยี่ยมคู่ชีวิตหรือตัดสินใจแทนกันได้หากอีกฝ่ายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล สิทธิการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่มาก เพราะยังคงไม่ใช่การสมรสเท่าเทียม ทำให้สิทธิบางอย่างไม่อาจครอบคลุมตามกฎหมาย เช่น การเก็บภาษีที่ไม่เท่าเทียมกันของบุคคล การรับมรดก และข้อจำกัดอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งจุดประสงค์การสมรสเท่าเทียมที่เสนอโดยกลุ่ม LGBTQ+ แท้จริงแล้ว ก็เพื่อเรียกร้องความเสมอภาคในสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายที่ครอบคลุมบุคคลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
เส้นทางการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่เกิดขึ้นในดินแดนแถบเอเชีย มีดังนี้
- เริ่มจากไต้หวัน ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ได้มีการเห็นชอบร่างกฎหมายว่าด้วยการแต่งงานระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน ด้วยคะแนน 66 ต่อ 27 เสียงจากรัฐสภา ซึ่งเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ทำให้ไต้หวันเป็นดินแดนเดียวและแห่งแรกในทวีปเอเชียที่มีการรับรองการสมรสเท่าเทียม
- ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2558 ได้มีการเริ่มใช้ระบบคู่ชีวิต ในเขตชิบูยะของโตเกียวเป็นท้องที่แรกในการรับรองสิทธิให้จดทะเบียนครอบครัวในพื้นที่ของตนเองได้ แต่การรับรองสิทธินี้ไม่มีผลผูกพันอื่นใดในทางกฎหมาย ทำให้ในปี 2562 นักเคลื่อนไหวและคู่รักเพศเดียวกัน จึงมีการฟ้องร้องเพื่อให้ได้สิทธิในการสมรสเท่าเทียมตามกฎหมาย ซึ่งจากการสำรวจในปีที่แล้ว พบว่า 65% ของกลุ่มตัวอย่างสนับสนุนการสมรสเท่าเทียม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปี 2558 ถึง 24% สะท้อนถึงทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คน กระทั่งในเดือนมิถุนายน ปี 2565 ประเทศญี่ปุ่นจึงมีการรับรองสถานะคู่รักเพศเดียวกันในฐานะ “คู่ชีวิต” ซึ่งคู่รักที่ขอใบรับรองต้องเป็นบุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และอย่างน้อยหนึ่งคนต้องอาศัย เดินทางไปทำงาน หรือศึกษาอยู่ในกรุงโตเกียว โดยสามารถขอรับรองสถานะได้ผ่านระบบออนไลน์ การรับรองดังกล่าวแม้ไม่ใช่การสมรสตามหลักกฎหมาย แต่ก็นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับการผลักดันให้เกิดการสมรสเท่าเทียมเกิดขึ้นในญี่ปุ่น
- ขณะที่ประเทศไทย ได้เริ่มมีการเรียกร้องการสมรสเท่าเทียมตั้งแต่ปี 2555 และในปี 2556 จึงเกิดร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิตร่างแรกในยุครัฐบาลของ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ซึ่งจนบัดนี้ผ่านมาแล้ว 9 ปีเต็ม ก็มีการปรับแก้ร่างกฎหมายมาเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการสมรสเท่าเทียม
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทยได้มีการรับหลักการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศถึง 2 ร่าง คือ ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต และ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งทั้งสองร่างมีหลักการแตกต่างกัน กล่าวคือ ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิตนั้น บุคคลผู้มีคุณสมบัติจะมีสิทธิในการจดทะเบียนและได้รับสถานะทางกฎหมายเป็น “คู่ชีวิต” แต่จะไม่ได้รับผลประโยชน์ทางกฎหมายในบางประการเมื่อเทียบกับการสมรส ขณะที่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะได้รับสถานะทางกฎหมายเป็น “คู่สมรส” และได้รับสิทธิเฉกเช่นเดียวกับคู่สมรสชายหญิงทุกประการ จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าการเดินทางของกฎหมายเพื่อการสมรสที่เท่าเทียมจะออกมาเป็นเช่นไร
สุดท้ายนี้ ถึงปัจจุบันจะมีการเปิดรับแนวคิดความหลากหลายทางเพศเพิ่มมากขึ้นในสังคม แต่มีเพียง 33 ประเทศและดินแดนทั่วโลกเท่านั้นที่มีกฎหมายรับรองการสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นรูปธรรม โดยหวังว่าจะมีการขยายผลเรื่องนี้ให้เกิดมากยิ่งขึ้น ทั้งในประเทศไทยและประเทศหรือดินแดนอื่น ๆ เพราะสิทธิการสมรสกันได้ตามกฎหมายนั้น ถือเป็นสิทธิที่พึงจะได้รับอย่างเท่าเทียมกันทุกคน โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นใครหรือเพศใดก็ตาม
● อ่านคำศัพท์และบทความที่เกี่ยวข้อง
– SDG Vocab | 32 – Inequality – ความไม่เท่าเทียม/ความเหลื่อมล้ำ
– SDG Vocab | 33 – Discrimination – การเลือกปฏิบัติ
– SDG 101 | รู้หรือไม่? ความเท่าเทียมทางเพศตาม SDG 5 ยังไม่ครอบคลุมถึง LGBTQI
– SDG Insights | กลไกกฎหมายไปสู่สมรสเท่าเทียม: ถอดบทเรียนจากคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญต่างประเทศ
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG5 ความเท่าเทียมระหว่างเพศ
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.3) สร้างหลักประกันถึงโอกาสที่เท่าเทียมและลดความไม่เสมอภาคของผลลัพธ์ รวมถึงโดยการขจัดกฎหมาย นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่เลือกปฏิบัติ และส่งเสริมการออกกฎหมาย นโยบาย และการปฏิบัติที่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง
– (16.3) ส่งเสริมหลักนิติธรรมทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ และสร้างหลักประกันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม
แหล่งที่มา
– Tokyo moves to allow same-sex partnerships, but not as legal marriage
– LGBT: สภาไต้หวันผ่านกฎหมายแต่งงานเพศเดียวกันครั้งแรกในเอเชีย (BBC News)
– เทียบชัดๆ ร่างพ.ร.บ.แก้ประมวลกฎหมายแพ่ง #สมรสเท่าเทียม ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต ต่างกันยังไง? | iLaw.or.th
ผลงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ภายใต้โครงการเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสุขภาพของประเทศไทย