ในยุคที่เศรษฐกิจทั่วโลก ต่างเผชิญกับความยากลำบากจากภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูงสุดในรอบเกือบ 50 ปี รัฐบาลจึงพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหาเพื่อลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน เกิดเป็นโครงการออกตั๋วเดินทางทั่วประเทศด้วยราคา 9 ยูโรต่อเดือน (ประมาณ 330 บาทต่อเดือน) ซึ่งได้ดำเนินการทดลองเป็นระยะเวลาสามเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จนถึง 31 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2565 ผลจากการสนับสนุนการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ พบว่าไม่เพียงช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและลดการใช้เชื้อเพลิงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ถึง 1.8 ล้านตันอีกด้วย
นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการออกตั๋วเดินทางรายเดือนทั่วประเทศแบบราคาถูกพิเศษ สำหรับรถไฟท้องถิ่น รถไฟใต้ดิน รถราง และรถประจำทางทั้งหมดออกมา มีการขายตั๋วไปแล้วประมาณ 52 ล้านใบ โดยหนึ่งในห้าของจำนวนตั๋วที่ขายได้ทั้งหมดเป็นตั๋วสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะตามปกติ ซึ่งจากการสำรวจของสมาคมบริษัทขนส่งเยอรมนี (Verband Deutscher Verkehrsunternehmen : VDV) ระบุว่า มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้รถยนต์เปลี่ยนมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ และในบรรดาผู้ซื้อตั๋วขนส่งสาธารณะรายเดือนรายใหม่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน มากกว่าครึ่งได้รับแรงจูงใจหลักมาจากการที่ตั๋วลดราคาซึ่งมีราคาถูกกว่าครึ่งจากเดิม สอดคล้องกับที่หน่วยงานการรถไฟแห่งชาติของเยอรมนี (Deutsche Bahn) ได้ระบุว่า สำหรับการขายตั๋วราคา 9 ยูโรเพียงอย่างเดียว สามารถขายได้ถึง 26 ล้านใบ และมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ในช่วงฤดูร้อน จึงนับได้ว่าเป็นโครงการที่ดำเนินการได้ “สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ”
ไม่เพียงช่วยลดค่าของชีพให้แก่ประชาชนเท่านั้น โครงการนี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1.8 ล้านตัน ซึ่งสมาคมบริษัทขนส่งเยอรมนี พบว่า การใช้ตั๋วเดินทางดังกล่าว ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้เทียบเท่ากับการจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้านเรือน 350,000 หลัง และจากการสำรวจในเขตปริมณฑลของประเทศ จากมหาวิทยาลัยพอทสดัม (Universität Potsdam) ยังพบอีกว่า ระดับมลพิษทางอากาศลดลงถึง 7 เปอร์เซ็นต์ หลังจากการเปิดใช้ตั๋วราคาประหยัดดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อว่าการดำเนินโครงการนี้ จะช่วยรักษาอัตราเงินเฟ้อไว้ได้ ซึ่งในเดือนสิงหาคมอัตราเงินเฟ้อสูงอยู่ที่ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ นับว่าต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อย
ปัจจุบัน โครงการนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนหลายรายกำลังผลักดันให้มีการขยายเวลาโครงการเพิ่ม เนื่องจากผู้โดยสารไม่เพียงชื่นชมตั๋วที่มีราคาถูกเท่านั้น แต่ยังพึงพอใจที่ตั๋วดังกล่าวช่วยลดความซับซ้อนของระบบขนส่งสาธารณะให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังเป็นส่วนช่วยในการพลิกโฉมปรับปรุงการคมนาคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เห็นผลอย่างชัดเจน
สุดท้ายนี้ เป็นโจทย์สำคัญของรัฐบาลเยอรมนีว่าจะสานต่อโครงการนี้ต่อไปเช่นไร เพราะนับว่าโครงการดังกล่าว สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ไปพร้อมกับการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติในการทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความครอบคลุม ปลอดภัย มีภูมิต้านทานและยั่งยืน
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเปลี่ยนรถโรงเรียนเป็นระบบไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและลดมลพิษทางอากาศ – SDG Move
– รัฐสภายุโรปผ่านร่างข้อเสนอห้ามจำหน่ายรถยนต์เเละรถตู้ใช้ดีเซล-แก๊สโซลีน ภายในปี 2578 เป็นต้นไป – SDG Move
– ระบบขนส่งสาธารณะที่ยั่งยืนในเมืองหลวงของกานา ช่วยป้องกันการตายก่อนวัยอันควรได้มากถึง 5,500 คน – SDG Move
– Metra-รถไฟชิคาโก จับมือ Uber เพิ่มการเข้าถึงขนส่งสาธารณะ – SDG Move
– 4 โมเดลการออกแบบเมืองที่ส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะ ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดีและอายุยืน – SDG Move
– ตัวอย่าง 4 เมืองใหญ่ ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงระบบขนส่งง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว – SDG Move
– เพียงหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจไม่พอ แต่ต้องทำให้เมืองเป็น “compact city” ด้วย ถึงจะลดการปล่อยก๊าซได้เร็วขึ้น – SDG Move
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
– (3.6) ลดจำนวนการตายและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจากการจราจรทางถนนทั่วโลกลงครึ่งหนึ่ง ภายในปี 2563
#SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม
– (9.1) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ ยั่งยืนและมีความแข็งแรง ซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคและพื้นที่เขตแดน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ โดยมุ่งเป้าให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมในราคาที่สามารถจ่ายได้
– (9.4) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการใช้เทคโนโลยีและกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยทุกประเทศดำเนินการตามขีดความสามารถของแต่ละประเทศ ภายในปี 2573
#SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
– (11.2) ภายในปี 2573 จัดให้ทุกคนเข้าถึงระบบคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน เข้าถึงได้ ปลอดภัย ในราคาที่สามารถจ่ายได้ พัฒนาความปลอดภัยทางถนน โดยการขยายการขนส่งสาธารณะ โดยคำนึงถึงกลุ่มคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบาง ผู้หญิง เด็ก ผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย และผู้สูงอายุ เป็นพิเศษ
– (11.6) ลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมต่อหัวประชากรในเขตเมือง รวมถึงการให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการจัดการคุณภาพอากาศ การจัดการของเสียของเทศบาล และการจัดการของเสียอื่นๆ ภายในปี 2573
#SDG13 รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
แหล่งที่มา:
– Germany’s €9 transport ticket prevents major CO2 emissions | World Economic Forum
– Germany’s €9 train tickets scheme ‘saved 1.8m tons of CO2 emissions’ – (theguardian)
– เยอรมนี เร่งหาทางแก้วิกฤตเงินเฟ้อ-ค่าครองชีพพุ่งสูง : PPTVHD36
ผลงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ภายใต้โครงการเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสุขภาพของประเทศไทย