แม้แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ก็กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเมืองโจฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแอฟริกาใต้ เมืองขนาดใหญ่อย่างจังหวัดเคาเต็ง (Gauteng) ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศต่างประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ การนำจ่ายน้ำประปาขาดความต่อเนื่อง ขณะที่ในบางพื้นที่ไม่มีแม้แต่น้ำใช้อุปโภคหรือบริโภค
พื้นที่เขตมหานครในเมืองโจฮันเนสเบิร์กอย่างเขต Tshwane และ เขต Ekurhuleni ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการที่ Rand Water หน่วยงานสาธารณูปโภคด้านน้ำที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาและเป็นแหล่งจ่ายน้ำสำคัญของจังหวัดเคาเต็ง กำหนดลดปริมาณนำจ่ายน้ำประปาภายในเคาเต็งเหลือเพียงร้อยละ 30 ของการจ่ายน้ำ หลังพบว่า มีปริมาณการใช้น้ำที่มากเกินไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อปรับปรุงระบบจัดการน้ำให้สมบูรณ์ และให้แน่ใจว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการจัดการควบคุมการไหลของอ่างเก็บน้ำ สำหรับรักษาเสถียรภาพ หลีกเลี่ยงการปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บ และแก้ไขระบบที่ขัดข้อง
ย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 Rand Water ได้ปิดระบบนำจ่ายน้ำเป็นเวลา 54 ชั่วโมง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไม่มีน้ำใช้ ซึ่งเกิดจากปัญหาในการวางแผนบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ (water infrastructure) ทรุดโทรม ทั้งการเก็บน้ำ การจ่ายน้ำ และการบำบัดน้ำ รวมถึงขาดเงินทุนสำหรับบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่เก่า และมีระบบการจ่ายน้ำที่ไม่ทันกับการขยายตัวของเมืองที่รวดเร็ว ซึ่งเดิมจาก พ.ศ. 2554 ประชากรภายในจังหวัดมี 12 ล้านคน แต่ปัจจุบันประชากรเพิ่มเป็น 16 ล้านคน ซึ่งสาธารณูปโภคไม่เพียงสำหรับความต้องการของประชาชน
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดปัญหาคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในแอฟริกาใต้ อาทิ
- ประการแรก โครงสร้างพื้นฐานมีมาตรฐานคุณภาพที่ต่ำ ขาดการวางแผนในระยะยาว ขาดเทคนิคและวัสดุด้านการก่อสร้าง (construction technology) ที่ดี รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานของแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่ายี่สิบปี จึงตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม
- ประการที่สอง การจัดการน้ำไม่มีประสิทธิภาพ เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำภายในประเทศ ซึ่งการใช้น้ำโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 237 ลิตรต่อคน/ต่อวัน ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานสากลถึง 64 ลิตร พร้อมทั้งพบว่า น้ำที่สูญเสียไปร้อยละ 41 เนื่องจากการรั่วซึม เพราะขาดการบริหารจัดการน้ำที่ดี และโครงสร้างพื้นฐานในการบำบัดน้ำไม่มีประสิทธิภาพ
- ประการที่สาม หน่วยงานระดับท้องถิ่น มีข้อจำกัดในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานและมีงบประมาณในการลงทุนน้อย
- ประการที่สี่ ระบบการจัดการทรัพยากรน้ำมีความซับซ้อน หลายหน่วยงานมีส่วนในการดูแลทำให้การจัดการแยกส่วนกัน อาทิ กรมน้ำและสุขาภิบาลเป็นผู้ดูแล ปกป้อง พัฒนา อนุรักษ์ จัดการ และควบคุมน้ำให้มีประสิทธิภาพภายในประเทศ ส่วนบริษัทเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบด้านการบริการน้ำประปาภายในประเทศ
ทั้งนี้ หากจะแก้ไขการจ่ายน้ำที่เหมาะสมควรพิจารณาขั้นตอน ต่อไปนี้
- จำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณให้เหมาะสม พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานที่ทรุดโทรมอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีส่วนทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำ สูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็น
- จำเป็นต้องระบุข้อจำกัดของกำลังการผลิต ทักษะที่ขาด และต้องการแก้ไข
- การลงทุนของภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ จำเป็นต้องได้รับแรงจูงใจในการส่งเสริมให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership: PPP)
- การอนุรักษ์น้ำและการจัดการด้านอุปสงค์ (demand management) ต้องมีการดำเนินการให้เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
- ภาคส่วนการเมืองควรให้ความสำคัญกับการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานทั้งในด้านการบำรุงรักษา การฟื้นฟู และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อการวางแผนและการจัดการน้ำ เพื่อปกป้องแหล่งน้ำ จัดสรรให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพื่อให้มีน้ำสะอาดที่เพียงพอสำหรับทุกคน เพราะน้ำนับเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่ช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– สหรัฐฯ จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำขนานใหญ่ แก้ปัญหาด้านน้ำและให้คนทั้งประเทศมีงานทำ
– จะจัดการน้ำให้ยั่งยืน ต้องลงมือทำอย่างเป็นองค์รวมร่วมกับการปรับตัวต่อ Climate Change
– World Water Week 2022 – UN ชี้ภัยเเล้งที่ขยายวงกว้างทำคนทั่วโลกต้องการน้ำเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงน้ำสะอาดยังคงมีอยู่มาก
– รายงานความคืบหน้าด้านน้ำโดย UN Water ชี้ สถานการณ์น้ำของโลกไม่เป็นไปตามแผน #SDG6
– 2564 ปีของวิกฤติน้ำในโลก: น้ำล้น แห้งแล้งไป ปนเปื้อนมาก ภัยพิบัติน้ำเกิดถี่ขึ้น
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG 6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล
– (6.1) บรรลุเป้าหมายการให้ทุกคนเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัยและมีราคาที่สามารถซื้อหาได้ ภายในปี 2573
– (6.3) ปรับปรุงคุณภาพน้ำ โดยการลดมลพิษ ขจัดการทิ้งขยะและลดการปล่อยสารเคมีอันตรายและวัตถุอันตราย ลดสัดส่วนน้ำเสียที่ไม่ผ่านกระบวนการลงครึ่งหนึ่ง และเพิ่มการนำกลับมาใช้ใหม่และการใช้ซ้ำที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนทั่วโลก ภายในปี 2573
– (6.4) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในทุกภาคส่วนและสร้างหลักประกันว่าจะมีการใช้น้ำและจัดหาน้ำที่ยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ และลดจำนวนประชาชนที่ประสบความทุกข์จากการขาดแคลนน้ำ ภายในปี 2573
– (6.5) ดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบองค์รวมในทุกระดับ รวมถึงผ่านทางความร่วมมือระหว่างเขตแดนตามความเหมาะสม ภายในปี 2573
แหล่งที่มา: South Africa’s biggest cities are out of water, but the dams are full: what’s gone wrong – theconversation
ผลงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ภายใต้โครงการเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสุขภาพของประเทศไทย