Site icon SDG Move

SDG Updates| SDG 16.10.2 การเข้าถึงข้อมูลสาธารณะกับการติดตามของกลไกระดับโลก

“สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้”

เป็นสโลแกนที่พบเห็นได้ทั่วไปตามสำนักงาน และเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ อีกทั้งยังเป็นคุณลักษณะพื้นฐานที่ระบุเอาไว้ในมาตรฐานสำหรับข้าราชการที่ดี เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนและสร้างความเชื่อมั่นว่าการบริหารประเทศและการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความรับผิดรับชอบส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน  อันเป็นพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล หรือลักษณะของการบริหารงานที่ดี และการจะตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของรัฐได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนจะต้องสามารถ “เข้าถึงข้อมูลสาธารณะ” ให้ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย มั่นใจว่าจะไม่ถูกคุกคามหรือลิดรอนหากเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น

SDG Updates ฉบับนี้ขอนำเสนอความสำคัญของการมีกฎหมายและนโยบายเพื่อคุ้มครองการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกบรรจุเอาไว้ใน SDGs คือ เป้าหมายย่อยที่ 16.10 สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายภายในประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดที่ 16.10.2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการติดตามให้ประเทศมีและใช้กฎหมาย นโยบายที่รับประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้


Right to know สิทธิที่จะได้รู้รากฐานที่การันตีว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร


สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร หรือ สิทธิที่จะได้รู้ (right to know) เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐมีหน้าที่จัดให้ประชาชนเข้าถึงได้ได้รับการยอมรับในเอกสารทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน (The Human Rights Council) ที่ได้ลงมติผ่านการประชุมทั่วไปครั้งที่ 44 ซึ่งกล่าวถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เมื่อปี 2563 ว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐควรพยายามจัดทำข้อมูลที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในเชิงรุกทางอิเล็กทรอนิกส์หรือให้ตามคำขอ…”

สำหรับกฎหมายภายในประเทศไทยไม่เพียงแต่ระบุว่าการเข้าถึงข้อมูลของรัฐเป็นสิทธิเท่านั้น แต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 (ฉบับปัจจุบัน) ได้ระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะยังเป็น ‘หน้าที่’ ของหน่วยงานดังปรากฏในมาตรา 59 

มาตรา 59 “รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของ หน่วยงานของรัฐที่มิใช่ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐหรือเป็นความลับของทางราชการตามที่ กฎหมายบัญญัติ และต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก”

ดังนั้นแล้ว การเข้าถึงข้อมูลจึงเป็นทั้ง “สิทธิ” ที่ก่อให้เกิด “หน้าที่” แก่หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตาม


การเข้าถึงข้อมูลสาธารณะกับ SDGs


ในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืน “การเข้าถึงข้อมูล” (access to information: ATI) ได้รับการยอมรับว่าเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังที่ปรากฏในปฏิญญาริโอ ปี 1992 ซึ่งเป็นเอกสารที่ทำให้แนวคิดว่าด้วยเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (sustainable development) ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเวทีประชาคมระหว่างประเทศรวมถึงถือกำเนิดแผนปฏิบัติการ 21 (Agenda 21) ซึ่งเปรียบเสมือนแผนแม่บทของโลกในการดำเนินงานเพื่อการพัฒนายั่งยืน ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่พัฒนาเป็น SDGs ในเวลาต่อมา  ด้วยความตระหนักว่าการสร้างหลักประกันในการเข้าถึงข้อมูลเป็นกลไกที่จะช่วยทำให้โลกบรรลุ SDG 16 สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง จึงมีการกำหนดเป้าหมายย่อยในเรื่องดังกล่าวเอาไว้ใน เป้าหมายย่อยที่ 16.10  สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายภายในประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ และเพื่อให้สามารถติดตามการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ได้กำหนดตัวชี้วัดสะท้อนสถานการณ์ 2 ตัวชี้วัด คือ

ความสำคัญของตัวชี้วัด SDG 16.10.2


หากพิจารณาตัวชี้วัด SDG 16.10.2 ที่ระบุว่าติดตาม “จำนวนประเทศที่ใช้และดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายและ/หรือนโยบายที่รับประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้” ประกอบกับหลักการเบื้องหลังและแนวทางการจัดเก็บข้อมูลที่ UNESCO ในฐานะหน่วยงานระดับนานาชาติผู้รับผิดชอบพัฒนาขึ้นอาจสรุปได้ว่า SDG 16.10.2 ให้ความสำคัญกับการ “มี” และ “บังคับใช้”  กฎหมาย นโยบาย หรือมาตรการที่เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะ  จึงกล่าวได้ว่า ตัวชี้วัดนี้มิได้เพียงติดตามการ “มีอยู่” ของกฎเกณฑ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังติดตาม “การดำเนินงานตามความเป็นจริง” ซึ่งสะท้อนประสิทธิภาพด้านข้อมูลของรัฐด้วย เพราะความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลยังเป็นเงื่อนไขที่จะส่งผลต่อการเกิดกระบวนการสำคัญ และมีผลต่อการบรรลุ SDGs เป้าหมายอื่น เช่น

 ความสำคัญของตัวชี้วัด 16.10.2 โดยแผนกสื่อสารและสารสนเทศ ยูเนสโก กรุงเทพฯ

ตัวชี้วัด SDG 16.10.2 ติดตามอะไรบ้าง


ในการติดตามและรายงานสถานการณ์ยูเนสโกในฐานะหน่วยงานระดับนานาชาติผู้รับผิดชอบได้พัฒนาแบบสอบถาม เพื่อให้แต่ละประเทศกรอกข้อมูลการดำเนินการสามารถจำแนกออกเป็น 5 กลุ่ม ต่อไปนี้

  1. กรอบกฎหมายที่เกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หมายรวมถึง การรับรองหลักการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ  กฎหมายลำดับรองของประเทศ เช่น ในประเทศไทยได้รับรองสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเอาไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 34 – 35 มีพระราชบัญญัติพระราชบัญญัติ ข้อมูล ข่าวสาร ของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อกำหนดหน้าที่ให้หน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยข้อมูล งบประมาณ ผลการดำเนินงานของรัฐภายใต้หลัก “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นรอง”
  2. องค์กรกำกับดูแลกลไกการเปิดเผยข้อมูล หมายถึง การมีองค์กรที่คอยตรวจสอบ ติดตาม และทำให้เกิดการเปิดเผยข้อมูล รวมถึงกระตุ้นหากเกิดกรณีที่หน่วยงานไม่เปิดเผยข้อมูลโดยไม่มีเหตุผลรองรับตามกฎหมาย
  3. กลไกการร้องอุทธรณ์ หมายถึง การที่ประเทศมีหน่วยงานทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน หรือขออุทธรณ์ในกรณีที่ประชาชนมีความต้องการเข้าถึงข้อมูลส่วนหนึ่งส่วนใดที่หน่วยงานรัฐมิได้เปิดเผยต่อสาธารณะและต้องการให้เปิดเผย ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกที่สามารถวินิจฉัยว่า หน่วยงานรัฐมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเช่นว่านั้นหรือไม่
  4. การเก็บทะเบียนข้อมูลและการจัดทำรายงาน นอกจากกลไกการให้ข้อมูลแล้วประเทศต้องมีการจัดทำทะเบียนประเภทข้อมูลว่าได้มีการเปิดเผยข้อมูลประเภทใด และไม่เปิดเผยข้อมูลประเภทใด หรือวางเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูลอย่างไร เพื่อประโยชน์ในการวางแผนส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูล ตลอดจนทำให้ทราบความคืบหน้าในการดำเนินการ
  5. การมีขอบเขตที่จำกัดของข้อยกเว้น ตามหลัก “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นรอง” รัฐจะไม่เปิดเผยข้อมูลการดำเนินการของรัฐได้เฉพาะแต่ส่วนที่ระบุข้อยกเว้นเอาไว้เท่านั้น และลักษณะของข้อยกเว้นที่ดีจะต้องเป็นข้อยกเว้นที่มีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง ไม่เปิดช่องให้เกิดการใช้ดุลยพินิจเพื่อขยายขอบเขตของข้อมูลออกไปเรื่อย ๆ  จนท้ายที่สุดนำไปสู่ช่องว่างให้ละเว้นการเปิดเผยข้อมูล 

ตัวอย่างแบบสำรวจ SDG 16.10.2 ที่ยูเนสโกจัดทำให้ประเทศต่าง ๆ กรอกข้อมูลเพื่อรายงานสถานการณ์

สถานการณ์การติดตามข้อมูล


ในทุกปียูเนสโกจะนำข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสำรวจของแต่ละประเทศมาจัดทำเป็นรายงานการเข้าถึงข้อมูลเป็นประจำทุกปีชื่อว่า UNESCO Report on Public Access to Information (SDG 16.10.2) สำหรับรายงานล่าสุด (ปี 2021) พบข้อค้นพบที่น่าสนใจ ดังนี้

UNESCO Report on Public Access to Information (SDG 16.10.2) ปี 2021 (ปีล่าสุด)

  1. ปี 2021 มี 132 ประเทศรับรองสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ กฎหมายนโยบาย  ในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 22 ประเทศที่ยอมรับการรับประกันดังกล่าวมาตั้งแต่การรับรองวาระปี 2030 เมื่อปี 2558 และในปี 2564 มีสมาชิกที่รับรองเพิ่มเติมคือ คูเวตและซาอุดีอาระเบีย
  2. ประเทศสมาชิกทั่วโลกมีความสนใจในการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับ ‘การเข้าถึงข้อมูล’ ด้วยสถาบันที่กำกับดูแลเฉพาะทำงานได้ดีขึ้น  ในปี พ.ศ. 2564 UNESCO ได้เชิญประเทศสมาชิก UN ทั้งหมด รวมถึงดินแดนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าร่วมในการสำรวจตามตัวชี้วัด SDG 16.10.2 ระหว่างเดือนเมษายนและมิถุนายน 2564 มีประเทศและดินแดนตอบแบบสำรวจมากถึง 102 ประเทศ ในจำนวนนี้มี 82 แห่งเป็นสมาชิกของเครือข่าย แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเครือข่ายดังกล่าวในการสนับสนุน SDG ติดตามและรายงานตลอดจนระดมกำลังสมาชิกมีส่วนร่วมในกิจกรรมทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับ SDGs แม้ว่าการสำรวจยังพบบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของการตอบกลับ UNESCO ตั้งข้อสังเกตว่า การสร้างแนวร่วมดังกล่าวเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขช่องว่างในการตรวจสอบ SDG และการรายงานนี้สามารถใช้เป็นแพลตฟอร์มการตรวจสอบและรายงานได้ และจะได้ผลดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
  1. สถานการณ์เกี่ยวกับการมีกรอบกฎหมายว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูล: ระดับชาติระบบระเบียบเอื้อต่อสาธารณะมากขึ้นเรื่อยๆ   จากการเข้าถึงข้อมูล 102 ประเทศและดินแดนที่ตอบแบบสำรวจ พบว่า 89% (91 ประเทศ) ระบุว่ามีรัฐธรรมนูญตามกฎหมายและ/หรือนโยบายการรับประกันสิทธิการเข้าถึงข้อมูล (ATI)  5 ประเทศระบุว่าไม่มีการรับรอง ATI ขณะที่อีก 6 ประเทศและดินแดน รายงานว่ากำลัง ‘อยู่ระหว่างดำเนินการ’ ในการรับรองดังกล่าว
  2. การจำกัดข้อยกเว้นยังขาดความชัดเจน การยกเว้นส่วนใหญ่ยังไม่อยู่บนพื้นฐานของการยกเว้นเท่าที่จำเป็นกล่าวคือ  มาตรฐานสำหรับการยกเว้นไม่เปิดเผยข้อมูล อยู่บนหลักการว่า การยกเว้นต้องคำนึงถึงการจำกัดสิทธิอย่างแคบ เท่าที่จำเป็น และมีความชัดเจน ข้อยกเว้นควรได้รับการยกเว้นใช้เฉพาะเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายอย่างมากต่อ และที่ผลเสียมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมในการเข้าถึงข้อมูล  จาก 91 ประเทศและดินแดนที่รับรองATI 81% (83 ประเทศ) รายงานว่าการรับประกันทางกฎหมายของ ATI ระบุอย่างชัดเจนว่า มีการกำหนดข้อยกเว้นที่อธิบายอย่างละเอียดว่าคำขอข้อมูลอาจถูกปฏิเสธตามกฎหมาย 



5. ประเทศส่วนใหญ่มีการจัดตั้งกลไกการกำกับดูแลแต่ยังไม่ใช่กลไกเพื่อตรวจสอบการดำเนินการตามการรับประกันและบังคับใช้ของ ATI ทั้งหมด จาก 91 ประเทศและดินแดนที่ตอบแบบสำรวจ   87% (79ประเทศ) รายงานว่า ATI ของตนมีกลไกการกำกับดูแลโดยเฉพาะ 34 ประเทศ ตามมาด้วย ประเทศที่รวมหน้าที่กำกับดูแล ATI เอาไว้กับหน่วยงานที่ดูแลการปกป้องข้อมูล/ความเป็นส่วนตัว จำนวน 18 ประเทศ ใช้ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือสถาบันที่ใกล้เคียง จำนวน 17 ประเทศ ส่วนที่มอบให้เป็นหน้าที่ของกรม/กระทรวง หรือหน่วยงานอื่น ๆ

6. ประเทศส่วนใหญ่มีบันทึกรายการข้อมูล แต่ยังต้องดำเนินการอีกมากเพื่อรักษาความต่อเนื่องในการเก็บและติดตามข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการอุทธรณ์ยื่นขอข้อมูล จาก 102 ประเทศและดินแดน มีเพียง 57% (52) เท่านั้นที่มีข้อมูลในปี 2563 ตามคำขอข้อมูลที่ได้รับ เดอะส่วนที่เหลืออีก 43% (39) มีข้อมูลจากปี 2018 หรือ 2019 เท่านั้นหรือไม่มีข้อมูลเลย 

หากพิจารณาในระดับหลักการและความมีอยู่ของกฎหมาย นโยบายเพื่อสร้างหลักประกันในการเข้าถึงข้อมูลจะพบว่าประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ได้ดำเนินการรับรองสิทธิดังกล่าวเอาไว้ในกฎหมายภายในของตนแล้ว แต่สิ่งที่ยังต้องอาศัยทรัพยากรในการดำเนินการอย่างมากคือการทำให้มีมาตรการ และกลไกที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกำกับดูแลการเปิดเผยข้อมูล กลไกการอุทธรณ์และการจัดทำบันทึกรายการข้อมูลที่ประเทศส่วนใหญ่ยังขาดความต่อเนื่อง

สำหรับประเทศไทยแม้ว่าจะมีกฎหมายเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะเป็นรายแรกในอาเซียน และได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจโดยคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการบ้างแล้ว แต่ทว่าข้อมูลที่ประเทศไทยใช้รายงานนั้นเกี่ยวข้องกับข้อมูลการเข้าถึงเทคโนโลยี และสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศมากกว่าการรายงานตามขอบเขตของตัวชี้วัด SDG 16.10.2  

อย่างไรก็ตาม ยูเนสโกได้ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหารือและจัดรกระบวนการแบ่งปันข้อมูลระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สอดคล้องกับการดำเนินงานของประเทศและสอดคล้องกับรูปแบบการรายงานในระดับนานาชาติ


● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
SDG Updates | Right to know สิทธิได้รู้ : การเปิดเผยข้อมูลสำคัญอย่างไรต่อการบรรลุ SDGs
SDG Move ร่วมกับยูเนสโกจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะไทย

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
– (16.10) สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเขาถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน โดยเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ

อ้างอิง

Human Rights Council, Promotion and protection of all human rights, civil,political, economic, social and cultural rights,including the right to development,A/HRC/44/L.18/Rev.1(2020) https://documents-dds-ny.un.org/doc/UNDOC/LTD/G20/180/77/PDF/G2018077.pdf

UNESCO (2021) Report on Public Access to Information (SDG16.10.2)
https://www.unesco.org/reports/access-to-information/2021/en

Author

  • Editor | คนทำงานข้ามสายที่ชอบมองภาพใหญ่และอยากเห็นงานพัฒนามองทุกศาสตร์อย่างเชื่อมโยง

Exit mobile version