Site icon SDG Move

สำรวจเเนวทางบำบัดน้ำทิ้งของรีสอร์ตในอัมพวา ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียบึงประดิษฐ์การไหลเวียนใต้ชั้นกรอง ทางเลือกส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เเละยั่งยืน

“การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” เป็นหนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวสำคัญที่ประเทศไทยนำมาปรับใช้สำหรับการปกป้องทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หนึ่งในเรื่องที่ต้องคำนึงถึงคือการปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งจากโฮมสเตย์และรีสอร์ต เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าการขยายตัวของเมืองและการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวส่งผลให้เกิดมลพิษทางน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลต่อสุขภาพความเป็นอยู่และกระทบการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว

แม้ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียกว่า 100 แห่ง แต่มีเพียงประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่ได้ผลตามที่คาดหวัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดบุคลากรที่มีทักษะในการดำเนินงานโรงบำบัด และการลงทุนสำหรับการดำเนินการโรงบำบัดไม่เพียงพอ ขณะที่ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า โรงบำบัดน้ำเสียเหล่านั้นสามารถบำบัดน้ำเสียได้เพียง 27% ของน้ำเสียจากครัวเรือนทั้งประเทศ และหากสำรวจตรวจสอบโฮมสเตย์หรือรีสอร์ตจะพบว่ามีหลายแห่งที่เป็นแหล่งปล่อยน้ำทิ้งสู่สิ่งแวดล้อมเนื่องจากไม่มีระบบบำบัดน้ำที่มีคุณภาพ

“อำเภออัมพวา” จังหวัดสมุทรสงคราม หนึ่งในปลายทางการท่องเที่ยวขึ้นชื่อของไทยก็เผชิญปัญหาดังกล่าว โดยข้อมูลจากตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา ระบุว่าอัมพวามีรีสอร์ตและโฮมสเตย์รวมทั้งสิ้น 26 แห่ง ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กไม่เกิน 10 ห้องพัก แต่พบว่าหลายแห่งเป็นการปรับปรุงมาจากบ้านเก่า (renovation) ไม่มีการก่อร่างสร้างเชื่อมระบบการจัดการน้ำทิ้ง ส่งผลให้น้ำทิ้งมีคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคูคลองที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอดังกล่าว

ทั้งนี้ หากพิจารณาแนวทางของการจัดการน้ำทิ้งจะพบว่าแนวทางหนึ่งซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับพื้นที่อัมพวานั่นคือ “ระบบบำบัดน้ำเสียบึงประดิษฐ์การไหลเวียนใต้ชั้นกรอง” (subsurface flow constructed wetlands: SFCWs) เนื่องจากเป็นการบำบัดน้ำเสียที่ใช้ธรรมชาติเป็นฐาน มีต้นทุนไม่สูงมาก ชุมชนหรือเจ้าของกิจการรายย่อยสามารถจัดตั้งระบบได้ อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำสำหรับการเกษตรได้อีกด้วย

เพื่อศึกษาถึงประสิทธิภาพและผลในการริเริ่มจัดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียดังกล่าวในพื้นที่อัมพวา ดร.วรุณศักดิ์ เลี่ยมแหลม และ ศ. ดร.จงรักษ์ ผลประเสริฐ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  และ ดร.ลักขณา เบ็ญจวรรณ์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้ดำเนินงานวิจัย “Sustainable wastewater management technology for tourism in Thailand: case and experimental studies” โดยใช้ต้นพุทธรักษาเป็นพืชชนิดหลักในการทดลองศึกษาระบบบำบัดน้ำเสีย

ด้วยประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพน้ำและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ทำให้งานวิจัยดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล เป้าหมายที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป้าหมายที่ 12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน 

การดำเนินการการวิจัยของ ดร.วรุณศักดิ์ และคณะ มีรายละเอียดสำคัญ อาทิ

งานวิจัยดังกล่าวมีข้อค้นพบโดยสรุปที่น่าสนใจ ได้แก่

นอกจากนี้ ดร.วรุณศักดิ์ และคณะ ได้เสนอแนะว่าการบำบัดน้ำเสียที่มีสารอินทรีย์สูง เช่น สิ่งปฏิกูล และไม่มีการบำบัดมาก่อนล่วงหน้า สามารถใช้ค่าคงที่จลนพลศาสตร์อันดับ 1 ที่ 0.240 เพื่อประเมินคุณภาพของน้ำทิ้ง นอกจากนี้เพื่อที่จะบำบัดน้ำทิ้งที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและสอดคล้องกับมาตรฐาน ควรใช้เวลาะยะเวลากักเก็บน้ำเสียในถังปฏิกิริยาต่าง ๆ มากขึ้น 

กล่าวโดยสรุป งานวิจัย “Sustainable wastewater management technology for tourism in Thailand: case and experimental studies” ได้ศึกษาค้นพบว่าระบบบำบัดน้ำเสียบึงประดิษฐ์การไหลเวียนใต้ชั้นกรองเป็นอีกหนึ่งระบบบำบัดน้ำเสียที่มีคุณภาพและสอดรับกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่อัมพวา จึงนับว่าเป็นผลการศึกษาที่ชี้ช่องบ่งทางเลือกแก่ภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะรีสอร์ตและโฮมสเตย์ในการจะนำแนวทางเดียวกันไปปรับใช้เพื่อบำบัดน้ำในพื้นที่ของตนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

งานวิจัยดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มการวิจัยเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการนำ SDGs ไปปฏิบัติในพื้นที่ ธีมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน

งานวิจัยดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล
– (6.3) ปรับปรุงคุณภาพน้ำ โดยการลดมลพิษ ขจัดการทิ้งขยะและลดการปล่อยสารเคมีอันตรายและวัตถุอันตราย ลดสัดส่วนน้ำเสียที่ไม่ผ่านกระบวนการลงครึ่งหนึ่ง และเพิ่มการนำกลับมาใช้ใหม่และการใช้ซ้ำที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนทั่วโลก ภายในปี 2573
– (6.5) ดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบองค์รวมในทุกระดับ รวมถึงผ่านทางความร่วมมือระหว่างเขตแดนตามความเหมาะสม ภายในปี 2573
– (6.b) สนับสนุนและเพิ่มความเข้มแข็งในการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการปรับปรุงการจัดการน้ำและสุขอนามัย
#SDG8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
– (8.9) ออกแบบและใช้นโยบายที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนที่จะสร้างงาน และส่งเสริมวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ภายในปี 2573
#SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
– (12.4) บรรลุการจัดการสารเคมีและของเสียทุกชนิดตลอดวงจรชีวิตของสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่ตกลงกันแล้ว และลดการปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกสู่อากาศ น้ำ และดินอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อจะลดผลกระทบทางลบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดภายในปี 2563
– (12.b) พัฒนาและดำเนินการใช้เครื่องมือเพื่อจะติดตามตรวจสอบผลกระทบของการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนที่สร้างงานและส่งเสริมวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

ข้อมูลงานวิจัย: W. Liamlaem; L. Benjawan; C. Polprasert. Sustainable wastewater management technology for tourism in Thailand: case and experimental studies. Water Sci Technol (2019) 79 (10): 1977–1984. https://doi.org/10.2166/wst.2019.200
ชื่อผู้วิจัย -สังกัดดร.วรุณศักดิ์ เลี่ยมแหลม และ ศ. ดร.จงรักษ์ ผลประเสริฐ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ดร.ลักขณา เบ็ญจวรรณ์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

Research Brief แนะนำงานวิจัยเชิงลึกของนักวิจัยธรรมศาสตร์ที่สนับสนุนการขับเคลื่อน SDGs โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิจัยแบบบูรณาการระดับแนวหน้า เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (TU-SDG Research Network)

Author

  • Knowledge Communication | สนใจประเด็นสันติภาพ ความมั่นคงมนุษย์ เเละสิ่งเเวดล้อมทางทะเล ใช้ชีวิตโดยเชื่อในสมดุลมากกว่าความสมบูรณ์เเบบ

Exit mobile version