วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 สภาองค์กรของผู้บริโภค นักกฎหมาย นักวิชาการ และตัวแทนจากเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เดินทางไปยังอาคารรัฐสภาเพื่อยื่นร่างกฎหมาย 3 ฉบับ แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหวังยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้น
ร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ มีประชาชนลงชื่อร่วมสนับสนุนกว่า 71,454 ชื่อ โดยแบ่งตามแต่ละฉบับ ดังนี้ 1) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. … จำนวน 23,872 รายชื่อ 2) พระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ …) พ.ศ. … จำนวน 23,877 รายชื่อ และ 3) พระราชบัญญัติความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. …. หรือ กฎหมายเลมอน ลอว์ (Lemon Law) จำนวน 23,705 รายชื่อ
สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั้งหมด 70,000 กว่าชื่อ ในการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค เพราะฉะนั้นหวังว่าร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ จะเป็นร่างของรัฐบาลในการนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และหวังว่าสภาผู้สภาผู้แทนราษฎรจะเร่งดำเนินการนําร่างของภาคประชาชนที่ลงชื่อสนับสนุนมา 70,000 กว่าชื่อ เข้าสู่การพิจารณา และเร่งรัดในการตั้งวาระเพื่อให้ทันสมัยประชุมที่กําลังจะเกิดขึ้น
สาระสำคัญจากร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ข้างต้น เช่น
- เพิ่มสิทธิผู้บริโภคในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่ จาก 8 ข้อ เป็น 10 ข้อ เพื่อให้สิทธิผู้บริโภคไทยเท่าทันยุคสมัย และกฎหมายสามารถบังคับใช้ได้จริง
- แก้ไขเพิ่มนิยามของคำว่า “ผู้บริโภค” ให้ครอบคลุมถึงผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ซื้อสินค้ามาเพื่อจำหน่ายต่อ และผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจด้วย ส่วนคำว่า “ผู้ประกอบธุรกิจ” นั้นให้หมายความรวมถึง ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลและผู้ที่ขายสินค้าหรือบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
- ตัดมาตรา 60 ซึ่งกำหนดเรื่อง “การฟ้องไม่สุจริต” ออก เพราะถึงแม้กฎหมายจะมีเจตนาเพื่อป้องกันการให้ร้ายหรือกลั่นแกล้งผู้ประกอบการ แต่เนื้อความในกฎหมายกลับซ้ำซ้อนกับกฎหมายฉบับอื่น ๆ และที่สำคัญคือในทางปฏิบัติแล้ว กฎหมายดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้ประกอบการในการ “ฟ้องปิดปาก” ผู้บริโภค ที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของตัวเองด้วย
- องค์กรฟ้องคดีแทนสามารถเรียกค่าป่วยการได้ โดยบริษัทที่ถูกฟ้องต้องมีส่วนรับผิดชอบค่าดำเนินการในการฟ้องคดีด้วย
- เพิ่มอำนาจรัฐมนตรี โดยให้มีอำนาจประกาศห้ามใช้วัตถุที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ซึ่งเดิมที่มีเพียงกำหนดห้ามนำเข้าหรือจำหน่าย แต่ไม่มีประกาศห้ามใช้
ทั้งนี้ บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค ชี้แจงว่า กฎหมาย 3 ฉบับนี้ มี 2 ฉบับที่มีอยู่แล้ว และสภาผู้บริโภคขอแก้ไขเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่อีกหนึ่งฉบับ คือ เลมอนลอว์ ที่ผ่านมาอย่างน้อย 3 รัฐบาล ผ่านกรรมาธิการมาแล้วหลายชุด แต่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่พิจารณา
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– ผู้บริโภคสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีชื่อส่วนผสมคล้ายสารเคมี เพราะไม่มั่นใจในการยืนยันความปลอดภัยด้านอาหารโดย FDA
– Kubé ธุรกิจเพื่อสังคมที่ผลิตไอศกรีมทำจากหัวกะทิ ส่งเสริม Food Justice ให้กับผู้ผลิตท้องถิ่น ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.3) สร้างหลักประกันถึงโอกาสที่เท่าเทียมและลดความไม่เสมอภาคของผลลัพธ์ รวมถึงโดยการขจัดกฎหมาย นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่เลือกปฏิบัติ และส่งเสริมการออกกฎหมาย นโยบาย และการปฏิบัติที่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว
#SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
– (12.1) ดำเนินการให้เป็นผลตามกรอบระยะ 10 ปีของแผนงานว่าด้วยแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ทุกประเทศนำไปปฏิบัติโดยประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นผู้นำ โดยคำนึงถึงการพัฒนาและขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนา
#SDG16 สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง
– (16.7) สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ
– (16.10) สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายภายในประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ
แหล่งที่มา
– ‘สภาผู้บริโภค’ ยื่น 7 หมื่นชื่อ แก้ กม.คุ้มครองผู้บริโภค 3 ฉบับ (The Active)
– ปรับเพื่อเปลี่ยน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เทียบเท่าสากล เท่าทันยุคสมัย (สภาคองค์กรของผู้บริโภค)