เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (The Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 – 4 เมษายน 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้นำและผู้แทนสมาชิก BIMSTEC จากอินเดีย เนปาล ภูฏาน ศรีลังกา เมียนมา บังกลาเทศ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น ถกสนทนาถึงแนวทางการขับเคลื่อนสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง
การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบนำมากล่าวถึงในการประชุมครั้งนี้ โดยมีการออกแบบแนวทางและการตกลงร่วมกันที่จะหนุนเสริม ขับเคลื่อน และเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาที่ครอบคลุมหลากหลายมิติ เช่น
- ผู้นำประเทศสมาชิกได้ลงนามรับรอง “วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030” ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่จะนำประเทศสมาชิก ไปสู่อนาคตที่มีความเจริญรุ่งเรือง ยืดหยุ่น และเปิดกว้าง วิสัยทัศน์นี้ถูกออกแบบเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ส่งเสริมความเชื่อมโยง และการเสริมสร้างศักยภาพในการรับมือกับปัญหาระดับโลก
- ผู้นำประเทศสมาชิกได้ลงนามว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางทะเลระหว่างภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พัฒนาประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการค้า และอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชาชน
- ประเทศไทยเสนอความมุ่งมั่นร่วมมือกับประเทศสมาชิกในการก่อสร้างทางหลวงเพื่อเชื่อมโยงไทย เมียนมา และอินเดียให้เสร็จ โดยมุ่งคำนึงถึงปัจจัยสันติภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย และเสถียรภาพเป็นสำคัญ
- ประเทศสมาชิกจำเป็นต้องร่วมมือกันเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความสามารถทางเทคโนโลยี โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาเร่งด่วน และเตรียมความพร้อมของภูมิภาคในการรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต
- ประเทศสมาชิกจำเป็นต้องร่วมมือสร้างความยืดหยุ่นของระบบสาธารณสุขและห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายของมลพิษทางอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโรคระบาด โดยประเทศไทยเสนอจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเวชศาสตร์เขตร้อน” ของ BIMSTEC
- ประเทศอินเดียเสนอจัดตั้ง “ศูนย์จัดการภัยพิบัติ BIMSTEC” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเตือนภัย
- ประเทศสมาชิกได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด และอาชญากรรมทางไซเบอร์ผ่านการดำเนินการตามอนุสัญญา BIMSTEC ว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และการค้ายาเสพติด เพื่อยกระดับความมั่นคงในภูมิภาคและความยืดหยุ่นพร้อมต่อการตอบสนองต่อภัยพิบัติ
- ประเทศไทยเสนอจัดตั้งสภาที่ปรึกษาธุรกิจ BIMSTEC (BIMSTEC Business Advisory Council) เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายระหว่างภาคธุรกิจ สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และเพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะยาว พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมรวมถึงชุมชนที่ถูกมองข้าม ผู้หญิง และเยาวชน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นร่วมกันที่จะแก้ไขและพัฒนาประเด็นที่หลากหลายทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม แต่ก็มีความกังวลว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นพื้นที่ให้รัฐบาลทหารเมียนมาฟอกขาวจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่รุนแรงในประเทศ โดยกลุ่มภาคประชาสังคมในระดับภูมิภาคและระดับสากลจึงต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและผู้นำบิมสเทคแสดงจุดยืนคัดค้านผู้นำทหารที่ผิดกฎหมายและการก่ออาชญากรรมระดับสากลของพวกเขา ด้วยการไม่ให้ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา รวมถึงตัวแทนทุกคนของกองทัพเมียนมา หรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง เข้าร่วมการประชุม
ขณะที่ รัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ เอพีเอชอาร์ (ASEAN Parliamentarians for Human Rights – APHR) ซึ่งเป็นเครือข่ายระดับภูมิภาคของสมาชิกรัฐสภาทั้งในอดีตและปัจจุบันจากประเทศต่าง ๆ ของอาเซียน ได้ออกแถลงการณ์ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นทั้งหนึ่งในผู้ก่อตั้งบิมสเทคและเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ ไทยควรมีจุดยืนตามหลักการและปฏิเสธการมีส่วนร่วมของรัฐบาลทหาร เนื่องจาก “การอนุญาตให้ระบอบการปกครองของกองทัพนั่งอยู่บนโต๊ะ ไม่เพียงทำให้การปกครองที่โหดร้ายถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของบิมสเทคในฐานะองค์กรระดับภูมิภาคที่มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนา”
จึงน่าสนใจว่าความร่วมมือพหุภาคีที่มีเป้าหมายจะขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศสมาชิกให้รุ่งเรือง ยืดหยุ่น และเปิดกว้าง จะจัดการกับ “การละเมิดสิทธิมนุษยชน” ซึ่งเป็นก้างชิ้นโตไปพร้อมกับการเร่งรัดจัดการประเด็นสำคัญอื่น ๆ ทั้งการเสริมเสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การตั้งรับปรับตัวต่อภัยพิบัติ และการกระตุ้นการเติบโตเศษฐกิจได้อย่างไร
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– SDG Updates | สรุปประเด็นสำคัญ รายงานความก้าวหน้า SDGs ของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ปี 2568
– ภาครัฐไทยกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมส่องแนวทางการจัดการจากต่างประเทศในยุคมลพิษทางอากาศ
– สรุปท่าทีของไทยในการประชุม UNGA 79 ชูประเด็นนโยบายความยั่งยืน -พร้อมเป็นสะพานเชื่อมความร่วมมือ
– อินเดียวางแผนเป็นผู้ผลิตพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว 5 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573
– ศาลฎีกาของอินเดียเร่งให้ฝ่ายบริหารเมืองเดลียื่นแผนการลดระดับมลพิษทางอากาศ เพราะปัญหาหมอกควันเป็น ‘ภาวะฉุกเฉิน’
– วิกฤติทางการเมืองในเมียนมาทำให้ประชากรอีก 3.4 ล้านคนต้องเผชิญกับ ‘ความหิวโหย’
– เผยแพร่แล้ว! รายงานสิทธิมนุษยชนประจำปี 2567 – Human Rights Watch ชี้การปราบปรามโดยรัฐในเอเชียเพิ่มขึ้น กังวลระบอบประชาธิปไตยยังคงถูกทำลาย
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
– (3.3) ยุติการแพร่กระจายของเอดส์ วัณโรค มาลาเรีย และโรคเขตร้อนที่ถูกละเลย และต่อสู้กับโรคตับอักเสบ โรคติดต่อทางน้ำและโรคติดต่ออื่นๆ ภายในปี พ.ศ. 2573
– (3.d) เสริมขีดความสามารถของทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา ในด้านการแจ้งเตือนล่วงหน้า การลดความเสี่ยง และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
#SDG5 ความเท่าเทียมทางเพศ
– (5.5) สร้างหลักประกันว่าผู้หญิงจะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และมีประสิทธิผล และมีโอกาสที่เท่าเทียมในการเป็นผู้นำในทุกระดับของการตัดสินใจในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสาธารณะ
#SDG8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
– (8.3) ส่งเสริมนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่สนับสนุนกิจกรรมที่มีผลิตภาพ การสร้างงานที่มีคุณค่า ความเป็นผู้ประกอบการ ความสร้างสรรค์และนวัฒกรรม และให้การสนับสนุนการรวมตัวและการเติบโตของวิสาหกิจรายย่อย ขนาดเล็ก และขนาดกลาง ผ่านการเข้าถึงบริการทางการเงิน
#SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม และนวัตกรรม
– (9.1) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ยั่งยืนและมีความต้านทานและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคและที่ข้ามเขตแดน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์
– (9.a) อำนวยความสะดวกการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและมีความยืดหยุ่น ในประเทศกำลังพัฒนาผ่านทางการยกระดับการสนับสนุนทางการเงิน เทคโนโลยีและด้านวิชาการให้แก่ประเทศในแอฟริกา ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.3) สร้างหลักประกันถึงโอกาสที่เท่าเทียมและลดความไม่เสมอภาคของผลลัพธ์ รวมถึงโดยการขจัดกฎหมาย นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่เลือกปฏิบัติ และส่งเสริมการออกกฎหมาย นโยบาย และการปฏิบัติที่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว
#SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
– (11.6) ลดผลกระทบทางลบของเมืองต่อสิ่งแวดล้อมต่อหัวประชากรรวมถึงการให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศและการจัดการขยะมูลฝอย และของเสียอื่นๆ ภายในปี พ.ศ. 2573
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
– (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
#SDG14 ทรัพยากรทางทะเล
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง
– (16.1) ลดความรุนแรงทุกรูปแบบและอัตราการตายที่เกี่ยวข้องในทุกแห่งให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
– (16.2) ยุติการข่มเหง การแสวงหาประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง การค้ามนุษย์ และความรุนแรงและการทรมานทุกรูปแบบที่มีต่อเด็ก
– (16.3) ส่งเสริมหลักนิติธรรมทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ และสร้างหลักประกันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม
– (16.4) ลดการลักลอบเคลื่อนย้ายอาวุธและเงิน เสริมความแข็งแกร่งของกระบวนการติดตามและการส่งคืนสินทรัพย์ที่ถูกขโมยไป และต่อสู้กับอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กรทุกรูปแบบ ภายในปี พ.ศ. 2573
– (16.10) สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายภายในประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ
– (16.a) เสริมความแข็งแกร่งของสถาบันระดับชาติที่เกี่ยวข้อง โดยรวมถึงกระทำผ่านทางความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อสร้างขีดความสามารถในทุกระดับ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อจะป้องกันความรุนแรงและต่อสู้กับการก่อการร้ายและอาชญากรรม
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.11) เพิ่มส่วนแบ่งการส่งออกของประเทศกำลังพัฒนาให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมุ่งเพิ่มส่วนแบ่งของประเทศพัฒนาน้อยที่สุดในการส่งออกทั่วโลกให้สูงขึ้น 2 เท่าในปี พ.ศ. 2563
– (17.13) เพิ่มพูนเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคของโลก โดยรวมถึงผ่านทางการประสานงานนโยบายและความสอดคล้องเชิงนโยบาย
– (17.14) ยกระดับความสอดคล้องเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.16) ยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมเติมเต็มโดยหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายซึ่งจะระดมและแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี และทรัพยากรทางการเงิน เพื่อจะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
– (17.17) สนับสนุนและส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาครัฐ-ภาคเอกชน และประชาสังคม สร้างบนประสบการณ์และกลยุทธ์ด้านทรัพยากรของหุ้นส่วน
แหล่งที่มา
– เปิด “วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030″ นายกฯแพทองธาร ประธานการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ 6 กล่าวถ้อยแถลงกระชับความร่วมมือร่วมกันสร้างภูมิภาคที่เจริญรุ่งเรืองและเปิดกว้าง (รัฐบาลไทย)
– จับตาไทยเชิญ มิน อ่อง หล่าย ร่วมประชุม BIMSTEC ช่วยฟอกขาวรัฐบาลทหารเมียนมาหรือไม่ ? (BBC News)